วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2564

อยากกลับมามีศรัทธาปฏิบัติธรรม

ผู้ถาม : อยากสอบถามเรื่องศรัทธาค่ะ คือเมื่อก่อนตอนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ก็อ่านหนังสือธรรมะ บอกว่าถ้าอยากฉลาดให้เจริญสติปัฎฐานสี่ช่วงเนื้อสร้างตัว ก็อยากฉลาดอยากเก่ง เลยปฏิบัติธรรมใหญ่ มีความศรัทธาในศาสนามาก

แต่พอขึ้นมาถึงจุดหนึ่ง ประสบความสำเร็จแล้ว ชีวิตเริ่มสบาย ไม่ต้องขยันแล้วไม่ต้องอะไรแล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีไฟในการปฏิบัติธรรม ทั้งที่ก็รู้เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ว่าความศรัทธาในการปฏิบัติ ความขยันน้อยลงไปเยอะ

เลยอยากสอบถามว่าทำอย่างไร ถึงจะกลับมามีศรัทธาให้มากขึ้นค่ะ

 

ดังตฤณ : คือเราตั้งเป้าไว้ว่า อยากจะกลับมามีศรัทธาเหมือนเดิม ใช่ไหม

 

ผู้ถาม : ใช่ค่ะ เหมือนจริงๆ ก็รู้ว่าเป้าหมายสูงสุดคืออยากจะพ้นทุกข์ แต่พอชีวิตเราสบายแล้ว อยู่อย่างนี้ก็สบายดี มีเงินมีทองใช้ เลยทำให้ไฟการปฏิบัติของเราไม่มีเลย คือลดลงไปเยอะค่ะ

 

ดังตฤณ : ในเรื่องของศรัทธามีอยู่สองระดับ

ศรัทธาในพระพุทธเจ้า ยึดมั่นพระองค์เป็นสรณะ นี่ก็คือศรัทธาแบบหนึ่ง ศรัทธาในแบบที่จะทำให้เรานี่ ต่อให้พลาดจากศาสนาของพระองค์ไป

ก็จะไปพบกับศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นได้

เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้มีแค่พระองค์เดียว มีเป็นอนันต์นะครับ

 

อันนี้เรียกว่าศรัทธาได้เหมือนกัน

ศรัทธาอันเกิดจากการรู้ว่า พระองค์สอนอะไร

 

ทีนี้ ศรัทธาในระดับของการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์

อันนี้ไม่ใช่ศรัทธาในบุคคล แต่เป็นศรัทธาอันเกิดจากการมีสติ

แล้วก็เห็นเข้ามาในกายใจนี้นะ

ว่ากายใจนี่ เอาแน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวก็ตาย

พอตายไปแล้วนี่ น่ากลัว ไม่รู้ไปไหนต่อ

ไม่รู้จะกลับมา กว่าจะกลับมาเจอพุทธศาสนาเป็นพุทธกาลหน้านี่

อีกนานแค่ไหน

 

อันนี้ ถ้ามีศรัทธาในแบบนี้ ก็จะทำให้กำลังความเพียร

ไม่หายไปแล้ว หายไปเลย แต่จะกลับมาเป็นพักๆ

 

พูดง่ายๆ ว่า เจริญมรณสติ ด้วยการระลึกอยู่เรื่อยๆนะครับ

ว่าวันหนึ่งเราต้องตาย วันหนึ่งนี่กายนี้จะต้องเป็นผุยผง

แล้วตัวเราเอง จะต้องไปเสวยกรรมแบบไหนที่เราทำไว้

ทั้งดีทั้งไม่ดี แล้วก็ทั้งที่มีมาตั้งแต่ชาติก่อน มาจนถึงชาตินี้

ไม่รู้ว่าจะต้องไปให้ผลอะไร อย่างไรแค่ไหน

 

พิจารณาแบบนี้โดยความเป็นมรณานุสติ ก็จะกลับมา

ถึงแม้ว่าจะกลับมาเป็นพักๆ ไม่ต่อเนื่องทุกวัน ทำทุกวัน แล้วก็เพียรทุกวัน

แต่อย่างน้อย จะกลับมาเป็นพักๆ

 

และการกลับมาเป็นพักๆนี่ เหมือนกับจะต้องมีสักครั้งหนึ่ง

ที่ไปถึงจุดที่คลิกจริงๆ แล้วก็ปล่อยวางเลยจริงๆ นะ

 

เพราะว่าการปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ ถ้าหากว่าปฏิบัติไปถูกทาง

จะก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ และความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ นี่

บางที มาจากแค่การคิดว่านี่ก็ไม่เที่ยง นั่นก็ไม่เที่ยง

ลมหายใจก็ไม่เที่ยง อิริยาบถก็ไม่เที่ยง ความสุขตอนนี้ก็ไม่เที่ยง

 

ตอนที่คิดๆ อยู่ จะเหมือนหยอดกระปุก ทีละบาทสองบาท

แต่พอผ่านไปเป็นสิบปียี่สิบปี กระปุกนั้นจะหนักขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยเหรียญบาทที่เราค่อยๆ หยอดเข้าไป

 

วันหนึ่ง จะรู้สึกขึ้นมาเองว่า .. คือชีวิตจะช่วยบอกกับเราด้วยว่า

ที่บอกไม่เที่ยง คือไม่เที่ยงจริงๆ

แสดงให้เห็นว่า ที่ขยับได้ เป็นหนุ่มเป็นสาว

วันหนึ่งขยับได้อืดลง หรือว่าขยับไม่ได้อย่างใจ

ที่เคยแข็งแรง ไม่เคยเป็นโรค จะค่อยๆ เป็นโรคขึ้นมา

นี่จะไปบวกกัน ที่เราคิดๆ มาว่าไม่เที่ยงๆ นี่ ไปถึงจุดหนึ่ง

ชีวิตบอกเราแบบชัดๆ เป้งๆ ว่านี่ไม่เที่ยงจริงๆ

จะเริ่มกลายเป็นความไม่ประมาท

 

แล้วตอนนั้น ที่เจริญมรณานุสติไว้ ที่เจริญสติเห็นกายใจไว้

ก็จะมาบวกกัน รวมกันกลายเป็นของจริง

 

คือจิต ที่มีความตั้งมั่น แล้วก็จิตที่เอาจริง ที่จะเพียร

เห็นความไม่เที่ยงของกายใจ จนกระทั่งสุดทาง

 

ตอนนี้ยังไม่อยากไปถึงสุดทาง เพราะว่ายังมีความสุข

อันเป็นเครื่องล่อ เป็นเหยื่อล่อแบบโลกๆ เข้ามา

แต่ต่อเมื่อชีวิตของเราบอกออกมาจากข้างในว่า

ฉันไม่เที่ยงกับเธอจริงๆนะ ทั้งร่างกาย ทั้งสภาวะอารมณ์

ทั้งภาวะชะตาอะไรต่างๆ

 

ตรงนั้นแหละ ที่เราจะเห็นประโยชน์

ที่เราค่อยๆ หยอดกระปุกมาทีละนิดละหน่อย

จะมีผลให้เราเกิดความตั้งมั่นในเส้นทางนี้ในที่สุดก่อนตาย

 

ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน ว่าจะต้องเอาความศรัทธา

หรือว่าเอาความแน่วแน่ในการปฏิบัติให้ได้วันนี้เลย ไม่จำเป็นนะ

 

รีบร้อนเกินไป ถ้าทำอะไรไม่สมตัว

ถ้าทำอะไรทั้งๆ ที่เรายังไม่มีศักยภาพพร้อมนี่ จะรู้สึกเหนื่อย

รู้สึกว่าต้องออกแรง รู้สึกว่าต้องฝืน

 

และคนเรานี่ฝืนใจมาในทางธรรมนั้น ไม่เป็นธรรมะจริง

มีแต่ธรรมะแบบหลอกๆ หรือว่าธรรมะเพื่อที่จะให้เรารู้สึกดี

ว่าเราได้ทำ เราได้อยู่กับธรรมะ

 

เราอยู่กับธรรมะจริงๆ สมกับอัตภาพเราดีกว่า

 

เราอยากเสพสุขทางโลกไป ก็เต็มที่นะ

แต่ในระหว่างที่เต็มที่กับทางโลก ไม่มีหรอกว่า

เราจะมีความสุขกับทางโลกได้ตลอดเวลา เท่าเดิม

ต้องมีหย่อนลงมาบ้าง

 

ตอนที่หย่อนลงมา เราก็เอาธรรมะทางกายทางใจนี่มาเจริญขึ้น

 

ก็เรียกว่าเป็นการสลับ .. สลับหน้าความสุข ระหว่างโลกกับธรรมไป

 

มองอย่างนี้นะ.. อย่าเอาแต่ธรรมะล้วนๆ

ตอนที่กำลังอยากสุขแบบโลกๆ

เอาแบบให้เป็นความสุขแบบสลับหน้า ระหว่างโลกกับธรรม

_________________

ถาม : ตอนกำลังสร้างเนื้อสร้างตัวอยากฉลาด จึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ ตอนนี้พอชีวิตเริ่มสบายมีเงินมีทอง กลับไม่มีไฟในการปฏิบัติ ทำอย่างไรจะมีศรัทธาปฏิบัติธรรมเหมือนเก่า?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน คลับเฮาส์

วันที่ 3 เมษายน 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=pDHFaLpR4cY

  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น