วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2564

คาถาช่วยเรื่องการเงิน ให้โชคลาภ มีจริงไหม

ดังตฤณ : เรื่องในโลกนี้นะ เป็นเรื่องของพลังล้วนๆ เลย

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก

 

อย่างการแพทย์สมัยใหม่นี่ มีการแพทย์ทางเลือกแบบหนึ่ง เรียกเอนเนอร์ยี่ เมดิซีน (Energy Medicine) บอกว่า ศาสตร์การแพทย์แผนใหม่ ที่มองแต่เรื่องรูปธรรมนี่ มองถูกแค่ครึ่งเดียว ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งผิด เพราะไม่ได้มองเรื่องพลัง

 

อันนี้ก็โยงเข้ากับการแพทย์แผนจีน การแพทย์แผนไทย การแพทย์สูตรโบราณอะไร ที่ตั้งต้นขึ้นมาเขาไม่ได้มองว่า ร่างกายเป็นวัตถุ เป็นแท่งๆ แบบนี้ แต่มองว่าประกอบขึ้นด้วยพลังแบบไหนรวมกันบ้าง

 

นี่เอาแค่ร่างกายอย่างเดียวนะ พูดถึงร่างกายอย่างเดียว

 

เรื่องอื่นๆ ในชีวิตก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยแวดล้อม คุณอยู่ คุณอาศัยอยู่ที่แบบไหน กว้างหรือแคบ รกรุงรังหรือว่าสะอาด คุณใส่เสื้อผ้าแบบไหน แบบที่เตะตาคน หรือว่าทำให้คนมองคุณเป็นซำเหมาคนปอนๆ หรือว่าวิธีการพูดจาของคุณเป็นอย่างไร เบอร์โทรศัพท์ของคุณ สวยไม่สวย ดูยิ่งใหญ่ ดูรวยหรือไม่รวย ล้วนแล้วแต่เป็นรายละเอียด เป็นส่วนประกอบที่ทำให้ชีวิตของคุณกำลังเป็นอยู่อย่างนี้ทั้งสิ้น

 

มาเข้าคำถาม คาถามีผลไหม?

 

ถ้าสวดดีๆ คาถาทุกคาถา ที่สรรเสริญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ที่เป็นไปในทางยกย่องบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีพลังทั้งนั้น

 

เป็นพลัง ที่จะอัญเชิญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เข้ามาประกอบ มีส่วนร่วมอยู่กับชีวิตของเรา

 

ถ้าหากว่าสวดแล้ว ชีวิตสว่างขึ้น แปลว่าอะไร

แปลว่าบทสวดนั้นสว่างขึ้น แล้วปรุงแต่งจิตใจของเรา ให้มีความสว่างตาม

 

ความสว่างของชีวิต คือพลังดึงดูดอะไรดีๆ เข้าหา

แล้วที่จะดึงดูดอะไรดีๆ เข้าหานี่ บางทีมีการเล็งผลเลิศ แบบจำเพาะเจาะจง

 

อย่างมีน้องคนหนึ่ง มาเล่าให้ฟังว่า ครูบาอาจารย์ที่ตนเองนับถือ

ที่ปัจจุบัน เป็นเกจิตัวจริง คือเครื่องวัตถุมงคลของท่าน บูชากันเป็นล้าน 

 

ท่านพูดเองกับปากท่านว่า คนที่บูชาเครื่องของของท่าน แล้วมาโพนทนามาโฆษณากันมากมาย ว่าโอ้โห รวยขึ้นทันตาเห็น ก็เพราะว่า ผู้บูชานั้น มีบุญในทางให้ทาน ในทางรักษาศีล เป็นต้นทุนอยู่ก่อนแล้ว

ไม่ใช่ว่าเครื่องของของท่าน ไปเสก ไปบันดาลให้ใคร ได้ดิบได้ดีขึ้นมาทุกคน

 

เอาเครื่องของบูชาของท่าน ไปคล้องคอร้อยคนนะ ไม่ใช่ได้ลาภทั้งร้อยคน

คนที่ได้ลาภ คือคนที่มีต้นทุนอยู่ก่อน ในเรื่องของทาน ในเรื่องของศีล

 

นี่ท่านพูดกับปากเอง นี่คือคำพูดจากเกจิในยุคปัจจุบัน เกจิร่วมสมัยเลยนะที่เครื่องของบูชาของท่าน ราคาเป็นล้าน คนตบตีกันแทบตายแย่งกัน แต่ท่านแจกฟรีนะ

 

เกจิที่เป็นเกจิจริงๆ มักจะแจกฟรี แต่ที่ของมีราคาขึ้นมาเพราะว่า ไปร่ำลือกัน ไปโพนทนากันว่า โอ้โหใช้อาทิตย์เดียวนี่ ชีวิตเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผิดหูผิดตา

 

เหมือนกัน คาถานี่ ผมเคยเห็นคนที่บอกว่า มาสวดอิติปิโสฯ นะ แล้วไม่ได้ตั้งใจขออะไรเลย แต่เพราะเมื่อก่อนเป็นคนขี้ขอ คือสวดมนต์หลายบทมากๆ แล้วขอทุกครั้ง ขอให้ได้มีลาภ ขอให้รวย ขอให้โน่นขอให้นี่ แต่ไม่เคยได้ จนกระทั่งหมดศรัทธาแล้ว เกือบจะหมดใจอยู่แล้ว

 

ทีนี้พอมาได้รับคำแนะนำ ให้ลองสวดอิติปิโสฯ แบบไม่ขอดู กลายเป็นว่าพอสวดถูกต้องแล้ว สวดด้วยการถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชา สวดด้วยการคิดจะสดุดี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างเดียว กลับกลายเป็นว่าอยู่ดีๆ ช่องทางมาจากไหนไม่รู้

 

อันนี้ขออนุญาตพูด คือไม่ได้เอ่ยนาม อย่างตอนที่ทำ .. เจ็ดวันมาสวดมนต์ด้วยกัน อธิษฐานด้วยกัน ขอเปลี่ยนชีวิตด้วยกัน .. มีอยู่หลายคนเลย บอกยังไม่ทันครบเจ็ดวัน แค่สามวันเท่านั้นแหละ ที่เคยเป็นทางตัน กลับเปิดออก ประตูเปิดออกนะ ที่เคยนึกว่าจะไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ กลับได้ขึ้นมาเฉยๆ

 

คือบางที คนเรานี่ไม่รู้เรื่องพลัง นึกถึงแต่อะไรที่จับต้องได้ เป็นรูปธรรมอย่างเช่นว่า ไปจ้องไว้ว่าคาถาบทไหนศักดิ์สิทธิ์ทำเงินได้ แล้วเล็งโลภนะไปสวดๆๆ ที่เขาร่ำลือกันว่าสวดแล้วรวย ก็สวดๆ สวดจนกระทั่งหมดศรัทธาบอกว่าไม่นับถือแล้ว ศาสนาพุทธ สวดแล้วไม่เห็นจะรวยขึ้นเลย

 

นั่นเป็นเพราะไปเชื่อสืบๆ กันมา เชื่อด้วยความเข้าใจที่ผิด แล้วก็เลยนึกว่า อะไรๆ นี่ขึ้นอยู่กับตัวคาถา ที่จะดลบันดาลอะไรให้เราได้

 

อันนี้ถ้าเราเข้าใจจริงๆ ว่า สิ่งที่จะปรุงแต่งชีวิตของเรา หรือว่ายกระดับชีวิตของเราได้จริงๆ คือบุญของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นบุญเก่าหรือ บุญใหม่ เสร็จแล้วทำบุญอย่างถูกต้อง

 

คือไม่ใช่ ทำแบบสุดโต่งสองขั้วนะ

 

ขั้วหนึ่งบอกว่า ทำบุญแล้วจะได้ดี คือทำบุญแบบนักลงทุน เก็งกำไรเลยว่าเดี๋ยวจะได้คืนแค่ไหน

กับอีกประเภทหนึ่งบอก ทำบุญ อย่าไปหวังผลอะไรทั้งสิ้น สักแต่ทำไปเฉยๆ เลยลืมหวัง แม้กระทั่งความสุข

 

บางคน มีจริงนะที่พูดนี่ .. ผมเคยฟังมากับปากหลายคนเลย บอกว่าความสุขก็ห้ามหวัง ไม่ให้หวังอะไรเลยในการทำบุญ

อย่างนี้ก็คือความเข้าใจที่ผิดสุดขั้วไปอีกทางหนึ่ง

 

ทำบุญนี่ ต้องหวังความสุข ความสบายใจที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้เลย และความสุข ความสบายใจที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ที่ทำบุญจะเกิดขึ้นต่อเมื่อ

เราไม่คิดเอาเข้าตัว แต่เราคิดเอาให้คนอื่น

 

อย่างเช่นทำทาน หวังสงเคราะห์เขาจริงๆ

ไม่ได้หวังว่าบุญจะมาให้อะไรกับเรา

แล้วก็หวังความสุข จากการได้สงเคราะห์สำเร็จ

 

หรืออย่างตอนสวดมนต์ อย่างตอนท่องคาถา

ถ้าเราสวดบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริงๆ  

โดยความหวังว่า เราจะได้มีความสุขจากการสรรเสริญท่าน

เหมือนกับที่เวลาเราสรรเสริญคนดีๆ ที่เขาทำประโยชน์ให้สังคม

แล้วเราเกิดความรู้สึกดีจังเลย ที่พูดถึงคนๆ นี้ในแง่ดี

พูดชมเชยเขาให้คนอื่นฟัง ตามที่ใจเรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

 

แบบนี้ แบบเดียวกัน เวลาที่กล่าวสดุดีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ผ่านบทสวดอิติปิโสฯ นี่ .. อิติปิโสภะคะวา อะระหังสัมมาฯ ..

แล้วใจเรานึกถึงคุณงามความดี คุณวิเศษของพระพุทธเจ้า

ว่าท่านตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง เก่งขนาดพ้นทุกข์ด้วยตัวเอง

แล้วก็เอาความเก่งนั้น มาสอนทั้งมนุษย์และเทวดา ได้ทั่วทั้งจักรวาล

 

ด้วยใจที่ระลึกอยู่อย่างนี้ ก็เกิดความปีติ เกิดโสมนัสขึ้นมา

และตอนที่ใจมีปีติ ตอนที่ใจมีโสมนัส

นั่นแหละคือการเปิดประตู รับเอาพลังพุทธคุณเข้ามา

ประดิษฐานอยู่ในชีวิตของเรา

 

ยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ ยิ่งทำสม่ำเสมอเท่าไหร่

ความสว่างยิ่งเกิดขึ้น ในชีวิตเรามากขึ้นเท่านั้น

 

ความสว่างเมื่อเกิดขึ้นในชีวิตของเรา

ประตูทุกๆ บาน ที่พร้อมจะเปิดรับอะไรดีๆ เข้ามานี่

ก็เปิดอ้าออกหมด ในทุกๆ บาน ในทุกๆด้าน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเงิน

 

คาถาเงินล้าน อาจจะมีพลังเหนี่ยวนำ เกี่ยวกับกระแสการเงินจริง

แต่ขึ้นอยู่กับคนสวดด้วยว่า ถึงเวลาให้ผลบุญ ของคนๆนั้นไหมนะ

 

ผมจะเปรียบเทียบเหมือนกับอย่างนี้ ชีวิตคนๆ หนึ่ง

มีต้นทุนเหมือนกับน้ำทะเล

 

น้ำทะเลนั้น จะขึ้นหรือลงตามธรรมชาติ ตามแรงดึงดูด

ตามแรงกระทำของดวงจันทร์ ตามแรงอะไรของโลกก็ตาม

เรียกว่ามีภาวะน้ำขึ้น น้ำลง ที่เป็นไปตามปกติ

 

ซึ่งคนบางคน อาจจะน้ำลงนานมาก ไม่เป็นน้ำขึ้นสักที

ทีนี้ถ้าหากว่า น้ำนั้นมีอยู่ แล้วเราทุ่มหินลงไป

น้ำก็ต้องกระฉอกขึ้นมา เป็นน้ำขึ้นมาระลอกหนึ่ง

อย่างน้อยระลอกเล็กๆ ให้เราพอได้ดื่ม ได้กิน ได้ชุ่มฉ่ำบ้าง อย่างนี้

 

แต่ถ้าไม่มีต้นทุนอยู่ ไม่มีน้ำอยู่เลย จะทุ่มลงไปแค่ไหน

จะหินกี่ก้อน ต่อให้อุกกาบาตตกลงมา ก็ไม่เกิดการกระเพื่อมของน้ำ

 

แต่ขอให้เข้าใจว่า ทุกคน มีน้ำกันมาหมดแหละ จะมากหรือน้อยเท่านั้น

แล้วเหตุกระตุ้นให้น้ำขึ้น เราสามารถเร่งรัดได้จริง

แต่ต้องด้วยวิธีที่ถูกต้อง ด้วยวิธีที่ตรงทาง

 

บางคนที่ใช้คาถา ใช้ทางลัด ใช้ไสยศาสตร์ได้

ก็เพราะเขาเคยทำบุญ แบบที่เป็นทางลัด

ให้คนอื่นได้ดิบได้ดี ได้มีชีวิตที่เป็นสุขมากขึ้น

หรือว่าเคยเอาตัวเองเป็นทางลัดให้คนอื่น ยกระดับชีวิตขึ้นมา

จากหน้ามือเป็นหลังมือ

พวกนี้ก็มีสิทธิ์ ถูกหวยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง

 

ต้องเข้าใจอย่างนี้ด้วย ไม่มีอะไรใหญ่เหนือกรรม

ไม่มีคาถา ไม่มีเครื่องรางอะไร ที่จะมาช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้น

โดยปราศจากเหตุปัจจัย ในฝั่งของตัวของคุณเองในเรื่องของบุญนะครับ

__________________

ถาม : คาถาที่ช่วยเรื่องการเงิน สวดแล้วช่วยให้ได้โชคได้ลาภมีจริงไหมครับ?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน คลับเฮาส์

วันที่ 3 เมษายน 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=ijsbBFzTqfY

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น