วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2564

แม่เพื่อนป่วยหนัก จิตตก ขอแนวทางพูดให้กำลังใจ

ผู้ถาม : คุณแม่เพื่อนสนิท เข้ารับการผ่าตัดเมื่อเดือนธันวาปีที่แล้ว

ตอนแรกนึกว่าเป็นการผ่าตัดเล็กๆ ไม่มีอะไร แต่ว่าพอผ่าเสร็จ

กลายเป็นว่ามีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นเยอะ คุณแม่โคม่ารู้สึกตัวบ้าง ไม่รู้สึกตัวบ้างเข้าๆ ออกๆ ห้องไอซียูตลอดเวลา

เวลาที่รู้สึกตัว ก็จะเกิดภาวะซึมเศร้าว่า ถ้ารู้อย่างนี้จะไม่เข้ารับการผ่าตัด เพราะตอนนี้โอกาสที่จะหายเป็นปกติค่อนข้างยากค่ะ

 

อยากได้คำแนะนำจากพี่ตุลย์ เพื่อที่จะไปบอกคุณแม่ ให้ทำใจสบายขึ้นค่ะ

 

ดังตฤณ :  อุบายวิธีน่ะ ไม่มีนะ

 

จริงๆ แล้วคนที่กำลังอยู่ในภาวะที่ เจ็บป่วยทางกาย

แล้วก็รู้ว่า อย่างไรอาจจะไม่หาย หรือว่ามีสิทธิ์ตายเร็วๆ นี้อะไรอย่างนี้

 

ถ้าความรู้สึกทางใจไปไม่ได้ อุบายชนิดไหน หรือว่าเราไปพยายามอย่างไร ก็ไม่ดีขึ้น

 

ทีนี้ ถ้าเอาตามที่เป็นหลักแบบพุทธนะ คือ

ทำอย่างไรก็ได้ ให้คนป่วย ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกว่าไม่มีทางหาย

กำลังจะไป หรือว่าจะด้วยอย่างไรก็แล้วแต่

ที่เขากำลังรู้สึกแย่กับภาวะของเขาอยู่นี่นะ

 

พยายามทำให้เขา มีความปล่อยวางภาวะที่เจ็บป่วย

หรือว่ากำลังจะไปนะ

 

เอาพูดเรื่องกำลังจะไปก่อน

 

ถ้ากำลังจะไปนี่ก็คือว่า สำรวจดูว่า ยังห่วงอะไรอยู่บ้าง

พยายามทำให้เกิดความรู้สึกว่า มีความสุข มีความสบายใจเสียอย่าง

ไปเมื่อไหร่สบายเมื่อนั้น

 

อันนี้หลักชัดๆ เลยนะที่พระพุทธเจ้า คือพยายามให้ปลดล็อกคนป่วย

 

อย่างพูดเรื่องความตาย คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องอัปมงคล

แต่ถ้าพูดเรื่องไปสวรรค์ คนส่วนใหญ่ จะมองเป็นเรื่องที่แสนสุข แสนดี

น่ายินดีต้อนรับ น่ายินดีเปิดรับ

 

ฉะนั้น ทำอย่างไรก็ได้ เปลี่ยนเปลี่ยนมุมมอง จากที่ว่ากำลังจะตาย

ให้กลายเป็น กำลังจะได้ขึ้นสวรรค์ กำลังจะย้ายบ้านนะ

กำลังจะเปลี่ยนบ้านใหม่

 

ซึ่งก็อาจจะพูดในเชิงว่า ใจยิ่งเบาเท่าไหร่ เรายิ่งมีสิทธิ์ที่

จะลอยตัวขึ้นข้างบน มากขึ้นเท่านั้น

 

ใจเบาทำอย่างไร ก็คือสำรวจเป็นเรื่องๆ ไปว่า ยังห่วงอะไรอยู่บ้าง

ยังมีความพะวง มีความข้อง ยังมีความติดเกี่ยวกับอะไรอยู่บ้าง

 

ถ้าหากเรามองเห็นว่า เขากำลังติดเรื่องอะไร ท่านกำลังติดเรื่องอะไร

แล้วเราสามารถที่จะทำให้หายห่วงเรื่องนั้น หายกังวลเรื่องนั้น

 

เดี๋ยวขอถามให้ชัดก่อน ว่ากำลังจะไปใช่ไหม

 

ผู้ถาม : ตอนนี้อาการทรงๆ ค่ะ บางช่วงสัญญาณชีพก็แย่ เท่าที่ฟังจากเพื่อน ก็เหมือนกับประคองไว้อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปเมื่อไหร่

 

ดังตฤณ : ตัวของผู้ป่วยนี่ รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังจะไป คือรับรู้จากหมอด้วย

แล้วก็ความรู้สึกตัวเอง ว่ากำลังจะแย่แน่ๆ เพื่อนได้บอกไหม

 

ผู้ถาม : คิดว่ารู้ค่ะ แต่ที่สำคัญคือเขาก็อาจจะ ไม่ค่อยได้ฟังเรื่องธรรมะ

หรือว่ายังไม่ค่อยศึกษาเรื่องนี้ เวลาปลอบใจ ก็จะยากหน่อยค่ะ

 

ดังตฤณ : อันนี้เข้าใจได้ คือ เห็นเยอะนะ ประเภทที่บอกว่า

ถ้ายังไม่แก่ ก็จะยังไม่สนใจธรรมะ หรือกระทั่งเชื่อว่า

ตัวเองสามารถไปดีได้ โดยไม่ต้องอาศัยธรรมะ

ไม่จำเป็นต้องฟังธรรมอะไรเป็นพิเศษ ก็เจอมาไม่น้อยเหมือนกัน

 

ทีนี้คือ ถ้าความรู้สึกของคน เรามองแล้วว่า เวลากำลังจะไปจริงๆ

รู้ตัวว่าแย่ลงๆ สัญญาณชีพอ่อน หรือ

ความรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะไม่ได้ตื่นมา

เวลาไปพูดเรื่องชาติหน้า

เวลาไปพูดเรื่องความเชื่อ เกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย

จะฟังมากกว่า ตอนที่ยังอยู่อีกนานๆ

ยังมีความรู้สึกว่าตัวเอง ยังเป็นตัวของตัวเองไปได้เรื่อยๆ

ยังเก่งอยู่อะไรอย่างนี้

 

เพราะฉะนั้นนี่ ทางหนึ่งคือรอจังหวะ ดูจังหวะว่า เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มเปิดหูฟัง

ก็พูดเรื่อยๆ อาจจะออกอุบาย เอาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องสวรรค์มา

พูดให้ฟังถึงหนังสือเล่มนี้ พูดเรื่องเกี่ยวกับสวรรค์ก็ดี

หรืออาจเป็นย่อความพระไตรปิฎกอะไรอย่างนี้ ที่มีเกลื่อนเลยในอินเตอร์เน็ตนะ

 

พูดเรื่องสวรรค์ พูดเรื่องวิมาน คือก็อาจจะแย็บๆ ก่อน เปรยๆ ก่อน

ทำให้เกิดความรู้สึกก่อนว่า ถ้าหากว่า จิตดีก่อนตายมีสิทธิ์ได้ขึ้นสวรรค์หรือมีสิทธิ์ที่จะได้ดี ได้ดิบได้ดีกว่านี้

 

แล้วก็คำพรรณนาที่เกี่ยวข้องกับวิมาน เกี่ยวข้องกับเทวดา

เกี่ยวข้องกับนางฟ้า เกี่ยวข้องกับทิพยสุข คีย์เวิร์ดเหล่านี้

เวลาที่คุยกับคนที่เขากำลังมีความรู้สึกว่า สัญญาณชีพอ่อนลงๆ เรื่อยๆ

เชื่อเถอะว่า จะฟังมากกว่า ตอนที่กำลังมีชีวิต (ปกติ) อยู่

 

เมื่อไหร่ที่เขาเปิดหูฟัง เมื่อนั้นแหละที่เราก็เริ่มจู่โจมเลย  

 

พอเล่าเรื่องสวรรค์วิมานมาก จนกระทั่งเกิดความปลื้ม

เกิดความรู้สึกว่าพร้อมจะรับฟังแล้ว

 

ก็มาพูดเรื่อง ความเบาของใจ

 

ความเบา ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ

แต่ความเบาเกิดขึ้น จากอาการที่พร้อมทิ้งห่วง พร้อมทิ้งกังวล

พร้อมทิ้งแม้กระทั่ง ความใยดี ความอาลัยติดใจ ในร่างกาย

ที่กำลังจะต้องแตกดับเป็นธรรมดา

 

เราสามารถแกะได้เป็นเปลาะ ที่เขากำลังห่วง ที่กำลังกังวล

ที่กำลังยึดมั่นถือมั่นอยู่นี่ เราค่อยคุยไปทีละวันทีๆนะ

แล้วดูว่า สามารถที่จะเข้าถึงความรู้สึก ที่เขา ..

ที่ท่านกำลังยึด กำลังห่วง กำลังหวงไว้ได้ไหม

 

ถ้าหากว่าเห็นว่า ถอดได้เป็นเปลาะๆ ก็บอกว่า

ใจที่เบาแบบนี้ ใจที่พร้อมทิ้งอย่างนี้ คือใจที่พร้อมจะลอยขึ้นสูงนะ

 

เมื่อใจเริ่มเบา ในขั้นท้ายๆ เวลาพูดเรื่องบุญเรื่องกุศล

อยากให้ทำบุญ อยากให้ทำอะไร

อยากจะใส่บาตรพระไหม อยากจะทำทาน เกี่ยวกับเรื่องไหนที่ท่านสนใจ

เราก็ offer ขึ้นมา เป็นเรื่องๆ แล้วบอกว่า เดี๋ยวเราจะไปเอามาให้ทำ

 

เดี๋ยวนี้ง่ายมาก โอนทางมือถือ ให้ดูว่าได้ทำบุญไปที่นั่นที่นี่ เรียบร้อยแล้ว

ให้ท่านเป็นคนกด ก็จะช่วยให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

 

สรุปมาแบบตามลำดับนะ

 

เอาเรื่องสวรรค์ เอาเรื่องวิมาน เรื่องนางฟ้าหรือเทวดา มาพูด มาเปรย

ซึ่งอันนี้ เท่าที่เจอมา ต่อให้เคยดื้อ เคยมีทิฏฐิ เคยต่อต้านความเชื่อ

เกี่ยวกับศาสนามาแค่ไหนก็ตาม ในช่วงท้ายของชีวิตนี่

จะไม่มีกำแพงนะ ยินดีฟัง

 

แล้วก็พอฟังได้แบบเชื่อแล้วนะ ก็พูดถึงเรื่องความเบาของใจ

ยิ่งเบาเท่าไหร่ ยิ่งมีสิทธิ์ลอยขึ้นสูงมากขึ้นเท่านั้น

 

จากนั้น ก็ไปต่อยอดเรื่องบุญเรื่องกุศล

เอาธรรมะของครูบาอาจารย์ มาเปิดให้ฟัง

เอาเทศนาธรรมของครูบาอาจารย์ ที่ฟังแล้วเกิดความเลื่อมใส

เกิดความรู้สึกมีสติ มาให้ท่านฟัง เอาตามลำดับแบบนี้

_______________

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน คลับเฮ้าส์

วันที่ 3 เมษายน 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=W74VcnCmG-E

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น