ดังตฤณ : ช่วงของการหลับ ถ้าเทียบกับการเข้าสมาธิ หรืออะไรอย่างนี้ จะเหมือนกับสิ่งที่จะทำให้ใจ ประจักษ์ว่าอะไรเป็นอะไร ได้ดีกว่าตอนที่เรายังลืมตาตื่นอยู่
อย่างตอนเรายังลืมตาตื่นอยู่
ถ้าเราไม่มีสมาธิแข็งแรงพอ เราไม่สามารถเห็นตับไตไส้พุง หรือของปฏิกูลในร่างกายได้
แต่ถ้าหากฝันอยู่
แล้วฝันนั้น เอาสิ่งที่เราเจริญสติเข้าไปปรุงแต่งเป็นภาพให้เราเห็นบ่อยๆ
เห็นเป็นปกติได้ จะติดจิตติดใจ แล้วก็ไม่ลืม จะออกมาอยู่กับชีวิตประจำวันเราเลย
อย่างถ้าเราสามารถที่จะทำได้
บอกว่าเจอปฏิกูลในร่างกายอยู่เสมอๆ นี่ ควรพิจารณาอย่างไรให้ถูกต้อง
คำตอบคือให้ฝัน
ทำของมันไป เราไม่ต้องไปกะเกณฑ์ ไม่ต้องไปตั้งใจอะไรไว้ก่อน เราแค่รู้ว่า
เราเป็นคนมีความสามารถแบบนี้ ว่าพอพิจารณากายคตาสติเวลาหลับ .. ผมไม่แน่ใจว่า
นี่คือก่อนนอน ก่อนที่จะหลับลง หรือว่าในเวลาระหว่างวันปกติ แต่เอาเป็นว่า
ถ้าฝันเจอของปฏิกูลในร่างกาย เราแค่ตั้งใจไว้ล่วงหน้าก็พอนะครับ
คือว่าเราจะรู้มันเฉยๆ ว่าความฝันจะเอาอะไรมาฉายให้ดู
คือไม่ต้องไปคาดหวังว่า
คืนนี้จงฝันถึงปฏิกูล ในร่างกาย เราแค่ทำไว้ในใจล่วงหน้าว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้น
เราจะดูเฉยๆ ดูว่าฝันนี่ จะเอาอะไรมาฉายให้ดู เราดูไปจนจบด้วยความรู้สึก
ไม่คาดหวัง
ความรู้สึกไม่คาดหวังไว้ก่อนจะมีผลสำคัญ
เวลาที่อยู่ในฝันจริงๆ แล้วเกิดภาพนั้นจริงๆ ใจจะเป็นอุเบกขา
อันนี้สำคัญนะ
แต่ถ้าเราคาดหวังไว้ว่าเราจะอย่างนั้น ใจเราจะอย่างนี้ เวลาอยู่ในฝัน
จะมีความกระวนกระวาย มีความกระสับกระส่าย อยากโน่น อยากนี่ไปด้วย จะเลียนแบบกัน
จะล้อกันนะ
ถ้าเรามองว่านิมิตฝัน
เป็นประโยชน์ เอาของจริงมาฉายให้ดูได้ ในขณะที่เราลืมตาตื่นอยู่ เราไม่สามารถเห็น
ในที่สุดแล้ว เราจะรู้สึกเฉยๆ ขึ้นมา เวลาที่อยู่กับสภาพทางกายนะ
เราจะไม่เดือดร้อน เราจะไม่มีความรู้สึกกระวนกระวาย ถ้าจะทำสมาธิ
จะไม่มีความกระวนกระวายทางเพศมาก
อันนี้เป็นสิ่งที่เป็นผลลัพธ์ของการที่จิตสอนตัวเองด้วยภาพปฏิกูลในกายบ่อยๆ นะครับ
__________________
คำถาม : ช่วงเวลาพิจารณากายคตาสติ
เวลาหลับมันจะฝันเจอของปฏิกูลในร่างกายอยู่เสมอๆ
เราควรพิจารณาอย่างไรให้ถูกต้องครับ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน
วิธีใช้เงินบริจาคของบูรณพุทธ
วันที่ 24 เมษายน 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=8ZZKQPWaeHU
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น