ผู้ร่วมรายการ : นั่งสมาธิเสร็จแล้วมาขอพร อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแบ่งบุญ ณ ตอนนั้นทำไมมันนิ่งมากเลย เหมือนใจมันสงบลง
ดังตฤณ : ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเราเลิกคาดหวัง ที่ผ่านมาตอนเรานั่งสมาธิเนี่ยนะ มันอาจจะเข้าที่แล้ว แต่เนื่องจากว่าความคาดหวังของเราเนี่ย มันมาเป็นหัวหอกนำหน้า มันมาเป็นกำแพงขวางไม่ให้เราไปถึงจุดที่จะสงบได้ จำไว้นะ ความคาดหวังนะไปสังเกตตัวเองให้ออกนะครับ
ลักษณะหน้าตาความคาดหวังคือฉุดตัวของเราฉุดจิตของเราไปข้างหน้าไปเรื่อยๆ ไปสังเกตดูนะครับ มันจะมีอาการฉุดไป แล้วใจมันจะไปพะวงกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แทนที่จะมารับรู้อยู่กับสิ่งที่มันกำลังปรากฏอยู่เดี๋ยวนี้ อย่างตอนที่เราเลิก คิดว่าเลิกดูลมหายใจ เลิกภาวนา แล้วจะมาขอพรใจเรามันจะมาสวิตช์ (switch) มาอยู่กับภาวะขอพร ซึ่งมันไม่ได้คาดหวังว่ามันจะสงบ มันคาดหวังว่าจะยกบุญอุทิศส่วนกุศลให้ใคร หรือว่าจะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความรู้สึกเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ทำให้เย็นใจ เพราะมันไม่คาดหวังแล้วว่าจะสงบ จริงๆใจพร้อมจะสงบอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ถูกความคาดหวัง ถูกภวตัณหามันฉุดดึงไปข้างหน้าไม่หยุด
จำไว้นะครับ “ภวตัณหา” พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นต้นเหตุของความกระสับกระส่ายทางจิต เป็นต้นเหตุของความทุกข์ทั้งปวง แม้กระทั่งตัณหาอยากได้ความสงบ ก็เป็นตัณหาชนิดหนึ่งที่ทำให้ไม่สงบ โอเคนะครับ
ผู้ร่วมรายการ : ค่ะ น่าจะเป็นคำตอบเลย เพราะว่าตอนที่ขอพรไม่ได้คิดจะอยากสงบ เพราะว่าตั้งใจที่จะขอพร แต่ตอนนั้นนิ่งมาก นิ่งกว่าตอนที่นั่งสมาธิมาทั้งหมดเลย ค่ะ
ดังตฤณ : นั่นแหละ
ตอนนั่งสมาธิเราก็สามารถสงบได้อย่างนั้น เพียงแต่ไม่คาดหวัง
แล้วก็ยอมรับตามจริงว่ากำลังเกิดภาวะดีหรือไม่ดียังไงเกิดขึ้นนะครับ มีภาวะฟุ้งซ่าน
เราก็ยอมรับว่าฟุ้งซ่าน เพื่อให้เห็นว่าความฟุ้งซ่านมันไม่เที่ยง ตอนที่ยอมรับไปตามจริง
แล้วไม่มีความคาดหวัง ไม่มีความอยากให้สงบ นั่นแหละคือภาวะที่พร้อมจะสงบแล้วนะครับ
........................................................
๒๗
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอนไลฟ์คลับเฮาส์และเฟสบุ๊ค
คำถาม : ทำไมตอนขอพรใจกลับนิ่งได้มากกว่าตอนนั่งสมาธิ?
ระยะเวลาคลิป ๒.๔๒ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=pi_xPYOhBSQ&list=PLmDLNhxScsWO7ZAuqr-FC25dor6ETZhM-&index=7
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น