ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑๒
วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๖
ที่ณัฐชญาคลินิก
รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/R--rBYES_a4
ถาม : ณ เวลานี้นี่ ส่วนตัวแล้วนี่
มีการยอมรับเวลาที่เรายอมรับตามจริง แล้วมองเรื่องทุกเรื่องให้เป็นเรื่องธรรมดา เกิดขึ้นได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี มันสามารถเกิดขึ้นได้นะคะ แล้วพอเราเห็นตามนี้แล้ว มีความรู้สึกว่ามันสบายใจมาก
เหมือนกับเราวางได้ เราปล่อยได้ แต่ทีนี้ว่า พอมาเป็นที่ตัวเอง มีความรู้สึกว่า
ตัวเราเองนี่ ปล่อยใจไปกับกิเลส เราก็เลยรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มันเป็นไปได้ ที่มันเกิดขึ้นได้นะคะ
แต่จริงๆแล้วน่ะ ด้วยส่วนตัวแล้ว
คือมีความเชื่อแล้วก็มีการยอมรับในคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ
ก็เลยมีความรู้สึกว่า เราไม่น่าจะปล่อยได้ ปล่อยใจไปตามกิเลสได้ขนาดนี้
ไม่ทราบว่ามีอะไรที่มันผิดพลาดไป
ดังตฤณ: คือ จุดที่มันขัดแย้งกับตัวเองนี่ มันอยู่ตรงที่ว่า
เราไม่มีนิยามที่ชัดเจน ว่าตรงไหนมันได้ตรงไหนมันไม่ได้
ทีนี้เพื่อที่จะให้เกิดนิยามที่ชัดเจนนี่ เราก็แค่ว่า รู้สึกสบายใจที่ตรงไหน
ถ้ามันยังสบายใจอยู่ ถ้ามันยังรู้สึกว่า เออ ไม่ได้ถึงขนาดต้องมากิลตี้ (guilty) ถึงขนาดต้องมารู้สึกผิดอะไรทีหลังนี่
เอาตรงความสบายใจนั้นเป็นจุดตัดสินก็ได้ ว่าเออมันยังได้อยู่ เพราะว่าคนนี่
ถ้าหากว่าเจริญสติมาแล้ว หรือว่าปฏิบัติธรรมมาแล้ว
หรือว่าถือศีลอะไรมาบ้างแล้วนี่นะ มันจะสั่งสมความรู้สึกถูกต้องเข้ามา
ถ้ามันยังรู้สึกสบายใจได้อยู่นั่น แปลว่ายังถูกต้องอยู่ เข้าใจพ้อยท์ (point)
ไหม (ผู้ถาม: คือ มีความรู้สึกว่าเรากำลังเดินไปในทางที่ไม่ถูกค่ะ)
ตรงนั้นน่ะ เราไม่สบายใจแล้ว
ถาม : แต่ว่าการที่เรามองทุกเรื่องเป็นเรื่องธรรมดาที่มันเกิดขึ้นได้
มันก็เลยทำให้รู้สึกว่า
ดังตฤณ: มันขัดแย้งตรงนี้แหละ เราไม่มีนิยามที่ชัดเจนไง เราบอกว่า อะไรๆมันก็เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยทั้งหลายทั้งปวง
มันน่าจะเป็นไปอย่างนั้นแหละ ตามที่มันเป็นไปตามธรรมชาติของแรงส่ง ของเหตุปัจจัยต่างๆ
หรือว่ามันเป็น ‘อนัตตา’ มันมีคำว่าช่างมันอยู่ลึกๆ แต่ประเด็นของการปฏิบัติธรรมนี่
ก่อนที่จะมาถึงการเจริญสติ มันมีความถูก ความผิดอยู่ วัดจาก กุศลและอกุศล ถ้ารู้สึกไม่สบายใจเพราะว่ามันมืดๆหม่นๆ
นั่นแสดงว่ามันไม่ถูกหรอก มีอะไรบางอย่างไม่ถูกแล้ว แต่ถ้าหากว่า
เรายังรู้สึกสบายใจได้ เออ ถามว่าเป็นข้างเดียวกันกับความสว่างเต็มที่ไหม
บอกตัวเองได้ว่า นี่ยังสว่างเต็มร้อย อันนั้นก็คือโอเค ไม่เป็นไร
นิยามอยู่แค่ตรงนี้เอง
‘ไม่สบายใจ’ มันมาพร้อมกับความรู้สึกมืดๆหม่นๆ
‘สบายใจ’ มันมากับความรู้สึกสว่าง
เป็นกุศล ถ้าเราทำอะไรแล้วรู้สึกไม่แน่ใจว่ามันผิดหรือเปล่า แปลว่ามีความไม่สบายใจ
มีองค์ประกอบของอกุศลธรรมอยู่ในใจของเราแล้ว เข้าใจพอยท์ (point) นะ
พอถามว่ามันมีอกุศลธรรมอยู่ในใจนี่ แล้วเราจะแก้ที่ตรงไหน ก็อาจจะ จากมุมมองที่ว่า
ทำอย่างไรที่อกุศลธรรมมันจะไม่เกิดขึ้นในใจของเรา คือพอตั้งไว้กว้างๆแบบนี้นี่
มันจะค่อยๆไปเห็นรายละเอียดเอาเอง ในการใช้ชีวิตประจำวันจริงๆ หรือว่าในการเลือกตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งนะ
มันไม่มีตายตัวหรอกว่าต้องทำอย่างนี้ หนึ่ง สอง สาม แต่ที่เราทำๆอยู่นี่ หรือว่าการตัดสินใจเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
ถ้ามันสบายใจขึ้น แล้วรู้สึกว่าอกุศลธรรมมันหายไปจากใจเราหรือว่าลดระดับลง
นี่แสดงว่าทำในสิ่งที่มันถูกต้องมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น