วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ควรนั่งสมาธินานแค่ไหน


คำถาม: ควรกำหนดเวลา (ทำสมาธิ) บ้างหรือไม่คะ


ดังตฤณ: ช่วงแรกๆ เอาตามความสบายก่อนก็แล้วกัน เอาความรู้สึกสบาย เอาความรู้สึกว่ามีกำลัง เอาความรู้สึกว่าเราไม่ได้ฝืนใจ  คือถ้าตั้งต้นขึ้นมาไปบังคับเกี่ยวกับเรื่องเวลาเลย มันจะไม่รู้กำลังตัวเองว่าทำไปแค่ไหนถึงจะเรียกว่ามีความสุข ทำไปแค่ไหนถึงจะเริ่มเป็นทุกข์ขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าหากว่าเราเริ่มต้นด้วยการสำรวจสังเกตตัวเองจากการทำจริงด้วยระยะเวลาประมาณนี้ เออมันยังสบายอยู่ มันยังไม่ได้ฝืน มันยังไม่ได้ทุกข์มาก เราก็จะได้ล็อกว่า โอเค เราน่าจะทำประมาณนี้นะ สมมติว่าของเราเริ่มต้นขึ้นมาประมาณ ๒๐ นาที ยังสบายๆ ไม่ได้อยากลุกไปไหนก็ทำ ๒๐ นาทีไป แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น ๒๕ นาที เป็นครึ่งชั่วโมงในวันต่อๆ มา แต่ถ้าตั้งต้นขึ้นมาบอกว่าควรจะทำครึ่งชั่วโมงไหม อันนี้มันไม่ใช่แล้ว มันไม่ใช่ตัวเราแล้ว มันเป็นตารางเวลาของคนอื่นแล้ว



ผู้ถาม: บางวันก็จะขยันหน่อย บางวันก็จะความเพียรน้อยหน่อยค่ะ วันที่ขยันพอถ้าได้เป็นชั่วโมงก็จะไปหยุดตัวเอง กังวลว่ามากเกินไปหรือเปล่า

ดังตฤณ: ตรงนั้นก็บอกตัวเองว่านี่คือกำลังของเราตามจริงในแต่ละวัน ซึ่งคนทำงานมันไม่ได้มีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียว บางวันมันก็ทำโน่นทำนี่เหนื่อย บางวันมันก็เหมือนกับไม่ได้มีภาระ เอาอย่างนี้แล้วกัน เอาตัวนี้เป็นตัววัด ถ้าทำไปแล้วไม่มีปีติ ไม่มีความอิ่มใจ ไม่มีความเบาเนื้อเบาตัว เอาตามจริงว่าในแต่ละวันมันเพลียแค่ไหน ดีที่สุดได้แค่ไหนเอาแค่นั้น อย่ากะเกณฑ์ให้มาก เพราะไม่งั้นมันเหมือนไปเพิ่มภาระให้ตัวเอง ภาระทางโลกมีไม่พอ เรามาเพิ่มภาระทางธรรมอีก ภาระทางธรรมขอให้เป็นภาระที่ทำให้ความทุกข์ทางโลกมันถูกแบ่งเบาไปก็ละกัน ไม่ใช่ไปเพิ่มน้ำหนักให้กับภาระทางโลกขึ้นมาอีก อะไรก็แล้วแต่ที่มันเป็นไปด้วยความอยากนะ อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นด้วยความรู้สึกว่าต้องให้ได้อย่างนั้น ต้องให้ได้อย่างนี้ มันเป็นภาระที่หนักขึ้นทั้งสิ้น เป็นภาระแบบโลกๆ ด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ภาระทางธรรมด้วยซ้ำ ถ้าภาระทางธรรมเนี้ย ก็คือเราทำแล้วแน่ใจว่าตรงนี้มุมมองของเราถูกต้องแล้วเรา เราเซ็ต (Set) มุมมองจากภายในดีแล้ว ชัดเจนแล้ว เออเราจะดูความไม่เที่ยงนะ เราจะดูความแตกต่างระหว่างเดี๋ยวหนัก เดี๋ยวเบา เดี๋ยวยาว เดี๋ยวสั้น พอเราแม่นอยู่ตรงนี้ แล้วเราเกิดความรู้สึกว่ายิ่งทำ มันยิ่งมีความเข้าใจ มันยิ่งมีความสว่าง ยิ่งมีความรู้แจ้ง ยิ่งมีความเบา ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เรียกว่าสิ่งที่เราทำไปแล้วมันมีประโยชน์ มันทำให้ความหนักอึ้งทางโลกมันลดลง

แต่ถ้าหากว่าเราตั้งใจทำครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่ได้ไม่ยอม แบบนี้บางทีแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน บางทีเราเหนื่อยจากทางโลกมา แล้วมาบังคับตัวเองอย่างนี้อีก ฝืนใจแบบนี้อีก มันกลายเป็นเหมือนกับไม่ได้อะไรเลยนอกจากความหนักอึ้งมากขึ้น แต่ถ้าจะเอาวินัยคือ เหมือนเราตกลงกับตัวเองว่าอย่างน้อยวันนึงต้องทำ คือต้องทำ นานเท่าไหร่ไม่ว่า แต่ต้องทำและทำด้วยใจจริงๆ ทำด้วยความหวังว่ามันจะมีคุณภาพจริงๆ อันนี้แหละที่เรียกว่าจะทำให้เราอยู่ในวินัย โดยปกติโดยธรรมชาติของคนที่มีวินัยเนี้ยนะ มันจะทำแล้วรู้สึกสบายขึ้นเรื่อยๆ มีความชำนาญ มีความเห็นที่มันง่ายขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ไปเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น