ผู้ถาม :
ผมปฏิบัติมาได้สัก
1 ปีแล้วครับ ทำในรูปแบบทุกๆ วันมา วันละ ๒-๓ ครั้ง แล้วก็ตามรู้ตามดูในชีวิตประจำวันทุกๆวัน ไม่แน่ใจว่าที่ทำๆมานี่ ไปถูกแนวบ้างไหมครับ
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๕ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
๕ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
ดังตฤณ :
เอาตัวการนั่งสมาธิก่อนละกันนะครับ บางทีมันยังมีความรู้สึกตึงๆอยู่ นะ เราจะรู้สึกได้ว่าเราต้องดึงตัวเอง
เราต้องดึงตัวเองมากหน่อย ไม่งั้นเนี่ย ในหัวมันเต็มไปด้วยเรื่องงานไง
มันจะคอยมี.. ขนาดตอนเมื่อกี้นี้ ตอนนั่งสมาธิเนี่ย
มันก็มีเรื่องงาน วกเข้ามา ก็เพราะว่าชีวิตมันอยู่ในงาน ที่ผ่านมานะ วันๆเนี่ย
เหมือนกับจะทำอะไรอยู่ก็แล้วแต่ มันสร้างความเคยชินมา ที่จะเอางานมาคิด
คำว่าเอางานมาคิดเนี่ย หมายความว่า อยู่ๆ ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยตรงเรื่องโน้น
เรื่องนี้ แวบเข้ามาทีละฉาก ๆ แล้วเราไปให้ความสำคัญกับมัน คือเห็นมันเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตว่า ถ้าเราทำงานมากๆ หรือคิดเกี่ยวกับเรื่องงานมากๆ เป็นของดี
ความเคยชินของเรามาแบบนั้นนะ
อย่างตอนนี้มัน..
จิตมันค่อยๆ.. เห็นความแตกต่างไหม พอพูดเรื่องความเคยชินเกี่ยวกับการคิดเรื่องงานไปเรื่อยๆ
เนี่ย คล้ายๆ เราก็เข้ามาอยู่กับภาวะความจริงในหัว แล้วคล้ายๆกับสลายตัวไป รู้สึกใช่ไหม
แต่ตอนนั่งสมาธิ มันไม่ใช่อย่างนั้นไง คือเราตั้งใจ.. ตั้งใจทำสมาธิ
แต่ไม่ได้เข้ามารับรู้ความจริง เกี่ยวกับคลื่นความคิด เกี่ยวกับเรื่องงาน และตอนที่มันยังหมุนอยู่ในหัว
วกวนอยู่ในหัวเนี่ย เราไม่รู้ ไม่รู้สึกถึงมัน เข้าใจใช่ไหม
พ้อยต์ (point) ก็คือว่า มันจะไม่หายไป เราจะไม่ทำสมาธิจริง เราจะไม่ภาวนาจริง ตราบใดที่เรายังไม่เข้าไปเห็นความจริงเกี่ยวกับคลื่นความคิดที่มันคอยวกไปหาเรื่องงาน แต่อย่างนี้ พอเราพูดถึงมัน แล้วคุณทบทวน มันเกิดความรู้สึกเกี่ยวกับคลื่นความคิดตรงนี้แล้วมันสลายตัวไป นั่นเพราะว่าเราเห็นตัวมัน มันถึงหายตัวไปไห้ดู จำไว้ว่า เราเห็นอะไร สิ่งนั้นมันจะค่อย ๆ หายไปให้ดู แต่ถ้าเราไม่เห็น อย่างเมื่อกี้นี้ ตั้งหน้าตั้งตาทำสมาธิเนี่ย ไปดู ไปฟังตามที่ผมพูดนี่ใช่ไหม แล้วก็พยายามทำ ตรงนี้มันก็ไม่หายไปไหน มันยังคงวนเวียนอยู่ตรงนั้นน่ะ
พ้อยต์ (point) ก็คือว่า มันจะไม่หายไป เราจะไม่ทำสมาธิจริง เราจะไม่ภาวนาจริง ตราบใดที่เรายังไม่เข้าไปเห็นความจริงเกี่ยวกับคลื่นความคิดที่มันคอยวกไปหาเรื่องงาน แต่อย่างนี้ พอเราพูดถึงมัน แล้วคุณทบทวน มันเกิดความรู้สึกเกี่ยวกับคลื่นความคิดตรงนี้แล้วมันสลายตัวไป นั่นเพราะว่าเราเห็นตัวมัน มันถึงหายตัวไปไห้ดู จำไว้ว่า เราเห็นอะไร สิ่งนั้นมันจะค่อย ๆ หายไปให้ดู แต่ถ้าเราไม่เห็น อย่างเมื่อกี้นี้ ตั้งหน้าตั้งตาทำสมาธิเนี่ย ไปดู ไปฟังตามที่ผมพูดนี่ใช่ไหม แล้วก็พยายามทำ ตรงนี้มันก็ไม่หายไปไหน มันยังคงวนเวียนอยู่ตรงนั้นน่ะ
เหมือนกัน..เวลาไปทำเอง
จะทำที่บ้านหรือจะอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะนั่งสมาธิ
ไม่ว่าจะเจริญสติ คุณไม่ได้เห็นตรงนี้ไง
ตรงที่มันเป็นคลื่นความคิดเกี่ยวกับเรื่องงาน ลักษณะคลื่นความคิดเกี่ยวกับเรื่องงานนะ
ที่จะปรากฏในหัวของคุณเนี่ย ลองสังเกตดูอย่างนี้นะ มันจะเป็นอาการผุดขึ้นมา
มันจะรู้สึกถึงความหนาแน่นของคลื่นความคิด เพราะว่าเวลาคุณคิดเรื่องงานเนี่ย
จะมีโฟกัสจะเอายังไง จะแก้อย่างไง มันรู้สึกเหมือนกับจะมองเห็น คล้ายๆว่า เราทำงานจนขึ้นใจ
ว่าขั้นตอนมันต้องอย่างนี้ ๑, ๒, ๓ เพราะฉะนั้นถ้ามันผุดขึ้นในหัว
แม้กระทั่งไม่ได้อยู่ต่อหน้าเรา ไม่ได้อยู่ตรงหน้างานเนี่ย มันก็เหมือนกับกระจ่างชัด เราเห็นหมด เรารู้หมด
เราเข้าใจหมดนะสังเกตง่ายๆ
เลย คลื่นความคิดมันจะผุดขึ้นมาชัดเจน แล้วก็ล็อค (lock) อยู่อย่างนั้น
ต่อไปพอใจอยู่กับลมหายใจ หรือว่า จะด้วยอะไรก็แล้วแต่เนี่ย ที่มันเป็นประโยชน์นะ ในทางปฏิบัติ ในทางการภาวนา แล้วเกิดคลื่นความคิดตรงนี้ที่มันโฟกัสขึ้นมาในหัว ให้รับรู้ รับรู้เหมือนที่เราคุยกันตอนนี้ คือรู้ว่ามันเกิดขึ้นในหัว มันจะได้หายไปให้ดู อะไรก็แล้วแต่ ที่เราเห็นตัวมัน มันจะหายตัวให้ดู แล้วก็จะได้เห็นความไม่เที่ยง ด้วยการดูอยู่อย่างนี้เท่านั้น มันถึงจะเปิดทางให้ดูอย่างอื่นได้ ไม่งั้นเนี่ย มันมีแต่ตัวนี้ล็อคอยู่ แล้วจิตมันจะแข็งๆ อยู่ตลอด คุณจะรู้สึกไงว่า ภาวนาไปเนี่ย ที่มีความสุขเนี่ยน้อย ส่วนใหญ่มันจะคล้ายๆกับต้องตั้งใจ ต้องแข็งขืน อยู่กับมัน นะ คุณทำงานเกี่ยวกับอะไร?
ต่อไปพอใจอยู่กับลมหายใจ หรือว่า จะด้วยอะไรก็แล้วแต่เนี่ย ที่มันเป็นประโยชน์นะ ในทางปฏิบัติ ในทางการภาวนา แล้วเกิดคลื่นความคิดตรงนี้ที่มันโฟกัสขึ้นมาในหัว ให้รับรู้ รับรู้เหมือนที่เราคุยกันตอนนี้ คือรู้ว่ามันเกิดขึ้นในหัว มันจะได้หายไปให้ดู อะไรก็แล้วแต่ ที่เราเห็นตัวมัน มันจะหายตัวให้ดู แล้วก็จะได้เห็นความไม่เที่ยง ด้วยการดูอยู่อย่างนี้เท่านั้น มันถึงจะเปิดทางให้ดูอย่างอื่นได้ ไม่งั้นเนี่ย มันมีแต่ตัวนี้ล็อคอยู่ แล้วจิตมันจะแข็งๆ อยู่ตลอด คุณจะรู้สึกไงว่า ภาวนาไปเนี่ย ที่มีความสุขเนี่ยน้อย ส่วนใหญ่มันจะคล้ายๆกับต้องตั้งใจ ต้องแข็งขืน อยู่กับมัน นะ คุณทำงานเกี่ยวกับอะไร?
ผู้ถาม :
ฝ่ายขายครับ
ดังตฤณ :
มันคิดเกี่ยวกับเรื่องงานอยู่ตลอดนะ
ผู้ถาม : ปัจจุบันไม่ได้คิดเลยครับ ที่งานไม่ได้เข้าไปในสมองเลยครับ
ดังตฤณ :
แล้วเวลาที่มันคิดขึ้นมา
อย่างเวลาภาวนาอย่างนี้ คือรู้สึกใช่ไหมว่ามันมีคลื่นรบกวนอยู่ในสมอง
ผู้ถาม : คือบางจังหวะก็จะนิ่งว่าง
บางจังหวะก็จะตึงๆ ที่หัว อย่างกับเมื่อกี้ ให้นั่ง ก่อนที่จะเริ่ม
ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ตอนที่จะหยุดนั่ง คือมันเหมือนกับจิตมันจะขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อย
ๆๆๆๆ ก็ต้องกำหนดรู้มัน แล้วลงมา
แต่ไม่เคยเป็น นี่เป็นครั้งที่ ๒ เคยเป็นก่อนครั้งเดียว
ดังตฤณ :
แต่รู้สึกใช่ไหมว่าในหัวมันมีอะไรแข็งๆ
อยู่
ผู้ถาม : ครับ นิดๆ ไม่มาก
แต่ว่าบางช่วงก็จะรู้ความว่าง มีอยู่ ครั้งนึงเคย .. เดือน สองเดือนที่แล้ว เคยนอน แล้วก็เหมือนกับมีสติ นอนไม่หลับ
ออกมาเห็นตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองนอนอยู่ เห็นตัวเองนอนหายใจอยู่ ได้เห็นแค่ทีเดียว
แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งคืนไม่หลับเลย
ดังตฤณ :
เมื่อกี้ผมพูดเกี่ยวกับคลื่นความคิดเนี่ย
ดูกันถูกนะ ต้องเข้าใจนะ ที่รู้สึกว่า มันสลายไปแล้ว ตรงนั้นเข้าใจใช่ไหมว่าพูดถึงตรงไหน
ดูยังไง ดูบ่อยๆ เพราะมันจะไปทำให้คุณภาพของจิตน่ะ มันดีขึ้นเรื่อยๆ
ตรงที่ไม่รู้ว่าเกิดตัวความคิดล็อคอยู่ในหัวเนี่ย มันทำให้เวลาที่เราตั้งใจภาวนาเนี่ย มันเป็นอาการแข็งขืนไปหมดเลย เพราะ มันเหมือนเราต้องฝ่า ฝ่าด่านคลื่นเหล่านี้ เข้าใจใช่ไหม คือคล้ายๆว่าจิตเราไม่พร้อมที่จะรู้ คุณจะรู้สึกอยู่ มันเหมือนมีอะไรขวาง รู้สึกไหม รู้สึกถึงอะไรที่มันขวางอยู่ ตอนที่เราจะเริ่มเข้ามานับ ๑ จะดูลมหายใจหรือจะดูอะไรก็แล้วแต่ มันคล้ายจะมี คลื่นอะไรขวางอยู่
ตรงที่ไม่รู้ว่าเกิดตัวความคิดล็อคอยู่ในหัวเนี่ย มันทำให้เวลาที่เราตั้งใจภาวนาเนี่ย มันเป็นอาการแข็งขืนไปหมดเลย เพราะ มันเหมือนเราต้องฝ่า ฝ่าด่านคลื่นเหล่านี้ เข้าใจใช่ไหม คือคล้ายๆว่าจิตเราไม่พร้อมที่จะรู้ คุณจะรู้สึกอยู่ มันเหมือนมีอะไรขวาง รู้สึกไหม รู้สึกถึงอะไรที่มันขวางอยู่ ตอนที่เราจะเริ่มเข้ามานับ ๑ จะดูลมหายใจหรือจะดูอะไรก็แล้วแต่ มันคล้ายจะมี คลื่นอะไรขวางอยู่
ผู้ถาม : ช่วงแรก ๆ
ดังตฤณ :
ทีนี้ถ้า
อย่างเมื่อกี้นี้ ตอนที่มันรู้สึกว่างได้ ก็เพราะว่า เราเปลี่ยนจาก ความสนใจ
ความคิดในหัวเนี่ย มาอยู่กับลมหายใจได้ มาอยู่กับฝ่าเท้า มาอยู่กับฝ่ามือ
อะไรอย่างนี้นะ แล้วมันก็ค่อยๆ เกิดความรู้สึกว่าเบาๆ อันนี้ คือ คลื่น
ความคิดแบบนี้ ที่มันเกิดขึ้น ที่มันเป็นกลุ่มก้อนหนาแน่น อย่างนี้น่ะ
ส่วนใหญ่มันจะเป็นเพราะว่าเราคิดเกี่ยวกับเรื่องงานต่อเนี่อง
ในช่วงที่เราทำงานหรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ยนะ มันเหมือนกับล็อค พอโฟกัสอยู่กับงานแล้วเนี่ย
มันจะไม่ไปไหน แม้กระทั่งว่าเดินเหินปกติ ไม่ได้อยู่ต่อหน้างานเนี่ย
เคยรู้สึกใช่ไหม เหมือนกับว่าเรื่องงาน มันจะวนเวียนอยู่ในหัวตลอด ในช่วงทำงานน่ะนะ
หรืออะไรเนี่ย มันจะเป็นอย่างนั้นใช่ไหม คือคิดแต่เรื่องงาน มันไม่ค่อยมีแก่ใจคิดเรื่องอื่น
เพราะว่าผูกพันอยู่กับผลน่ะ ผลที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวกับงาน มันมี อัพเดตอะไรอยู่เรื่อยๆ แล้วมันก็เลยเกิดความสนใจ อยากจะรู้ผลๆๆไปเรื่อยๆ
ตัวนี้เนี่ย
มันกลายเป็นคลื่นที่มันเกิดขึ้นบ่อย นะ ถ้าเราสามารถเห็นมันได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณบอกว่าไม่ได้ทำงานแล้วก็ตาม
แต่มันก็ยังเกิดขึ้น คือมีรูปแบบความคิดเดิมๆ ปรากฏขึ้นในหัว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คิดเรื่องงานก็ตามนะ
แต่อันนี้จูนตรงกันมั้ย คือมันจะมี
นึกออกใช่ไหม
ผู้ถาม : นึกออกๆ
ดังตฤณ :
คือแม้ว่าไม่ได้คิดเรื่องงาน
แต่คลื่นความคิดมันเป็นแบบเดิม ตอนที่ยุ่งๆ อยู่กับมัน อยู่กับการงานเนี่ย
คอยสนใจว่ามันจะ อัพเดตอย่างไร มีข้อมูล มีผลอัพเดตอย่างไร ตัวเนี้ย
ลักษณะความคิดแบบนี้ ที่มันจะขวางไม่ให้จิตมีคุณภาพพอ ที่จะรู้เข้ามาได้แบบง่ายๆ
มันต้องแข็งขืนก่อน จิตมันเลยแข็ง
พูดง่ายๆถ้าเราเห็นความไม่เที่ยงของคลื่นความคิดตรงนี้ ทุกอย่างจะดีขึ้นเองนะ ที่ปฏิบัติมาใช้ได้แล้ว
พูดง่ายๆถ้าเราเห็นความไม่เที่ยงของคลื่นความคิดตรงนี้ ทุกอย่างจะดีขึ้นเองนะ ที่ปฏิบัติมาใช้ได้แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น