วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สยบความเคยชินที่จะหดหู่ด้วยการเคลื่อนไหว

ถาม : สวัสดีครับพี่ตุลย์ เมื่อประมาณกลางปีที่แล้วเคยส่งการบ้านพี่ตุลย์แล้วพี่ตุลย์ให้ไปดูตัวที่มันหดหู่น่ะครับ ก็เริ่มเห็นแล้วครับว่า เวลาคิดอะไรแล้วมันจะไปตกอยู่มุมนี้อยู่เรื่อยๆครับ หลังๆก็ยังมีอยู่ แต่ว่าดูเบาบางลงบ้าครับ

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/jClTCyxPcr8
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๒
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส  
๑๘ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก 

ดังตฤณ:  
เมื่อกี้ตอนนั่งก็สว่างดี รู้สึกถึงความสว่างไหม


ถาม : รู้สึกเหมือนสงบ 

ดังตฤณ:  
ตัวสงบเนี่ยมันรู้สึกสบาย แล้วมันก็ปลอดโปร่งไป ตัวความผ่อนคลาย ตัวความปลอดโปร่งนั่นแหละคือตัวความสว่าง แต่มันจะยังไม่สว่างชัด เพราะว่าเราอาจจะยังไม่เกิดความรู้สึกถึงภาวะของจิตชัดเจน มันมาคาๆอยู่ที่ความรู้สึกเกี่ยวกับลมหายใจ เกี่ยวกับร่างกายอะไรแบบนี้นะ แต่ว่าจริงๆแล้วมันปลอดโปร่งมันก็มีอาการผ่อนพักพอสมควร

ทีนี้พ้อยท์ (pointก็คือว่า ถ้าเรารู้สึกปลอดโปร่งอย่างนี้นะ แล้วสามารถที่จะอาศัยเป็นตัวตั้งในการสังเกตดู ว่าตอนที่มันซึมตอนที่มันหดหู่เนี่ย มันมีความแตกต่างกันยังไง มันก็จะเริ่มเข้าใจว่า ตอนที่จิตตั้งอยู่ในความปลอดโปร่ง ตั้งอยู่ในความรู้สึกที่มันสงบ ไม่หดหู่ มันก็คือตอนที่มีสติ แต่ตอนที่หดหู่เนี่ย มันเหมือนจะคอยไหลไปตามอำนาจความเคยชิน 

อย่างที่ผ่านมาถ้าตอนที่มีจิตหดหู่เนี่ย เราจะรู้สึกเหมือนกับความรู้สึกนึกคิดมันจะแบลงค์ๆ (blank) ไป มันจะรู้สึกเอ๋อๆไปช่วงหนึ่ง แต่ตอนที่ปลอดโปร่ง มันเหมือนกับจะนิ่งๆ อยู่ในอาการที่สามารถจะรับรู้อะไรได้ตรงตามจริง ที่มันปรากฎอยู่ตรงหน้า

ทีนี้ของน้องเนี่ย มันจะยังมีตัวที่มันวนกลับมา เหมือนกับพยายามครอบงำราจะรู้สึกได้ คล้ายๆกับดูเหมือนปลอดโปร่งดีๆอยู่ แต่แล้วก็มีภาวะที่มันหดหู่เซื่องซึม เหมือนกับอยากจะกลับไปเซื่องซึม คือความคิดเรามันไม่ได้อยาก แต่มันมีภาวะหนึ่งคอยวนเวียนกลับมา และเรารู้สึกว่าเหมือนกับจะเอาด้วยกับมัน

รู้สึกไหมว่าในระหว่างวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เราต้องคุยกับคนที่เราไม่ได้อยากฟัง หรือว่าในช่วงที่เรารู้สึกเหนื่อยและก็กำลังเบื่อๆเซ็งๆตัวที่เบื่อตัวที่เซ็งมันเป็นภาวะที่สภาพของจิตใจเราอยู่ในภาวะไม่พร้อมทำงาน ตัวไม่พร้อมทำงาน ตัวภาวะที่ไม่รู้สึกอยากจะกระตือรือร้น ตัวนี้เนี่ยเป็นตัวที่ ถ้าหากเราใช้เป็นเครื่องมือเจริญสติ มันจะก้าวหน้าขึ้นไปกว่านี้


ที่ผ่านมามันเหมือนกับไม่มีที่พึ่ง ไม่มีเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจพอเราเกิดความรู้สึกทำนองนี้ แต่ต่อไปเนี่ย จำไว้เลยนะ คีย์เวิร์ด (keywordของเราก็คือว่า"ต้องเคลื่อนไหว" คือไม่ใช่ดูลมหายใจอย่างเดียวนะ แต่เคลื่อนไหวเลย เคลื่อนอะไรก็ได้ สมมุติถ้าหากว่าอยู่ที่โต๊ะทำงาน เราลุกเปลี่ยนอิริยาบถแป๊บนึง คือเดินเล่น เดินดูเท้ากระทบ ต๊อกๆๆไป  แต่ถ้าอยู่ในระหว่างสนทนา ในห้องประชุม ในระหว่างอยู่กับคนที่เราไม่ต้องการจะคุยด้วย มันต้องมีการขยับเนื้อขยับตัวนิดนึง คือขยับแบบไม่ให้ผิดสังเกตขยับในลักษณะที่เราผ่อนคลายอิริยาบถ แต่ไม่น้อยเกินไปกว่าที่เราจะรู้สึกว่า เนี่ยสามารถสังเกตได้ถึงอาการเคลื่อนไหว

เนี่ยน้องลองเคลื่อนไหวดู เออเนี่ย อย่างแค่เนี่ย มันจะรู้สึกถึงอาการเปลี่ยนของใจ ทันใดที่ความเคยชินแบบเก่าๆกลับมาครอบเราได้ แล้วเราไม่เคลื่อนไหว คือของน้องเนี่ยมันจะมีอาการอย่างนี้ พอมันกลับมาครอบปุ๊บ เรายอมนิ่งแบบนี้ อยู่ในอาการซึม มันก็เท่ากับเปิดประตูต้อนรับความเคยชินแบบเก่า แต่ถ้าเราขยับเคลื่อนไหว แล้วเราสังเกตว่า ใจมันโปร่งขึ้น ใจมันเป็นอิสระมากขึ้น ในที่สุดน้องจะรู้สึกแบบตอนที่พี่ไกด์ (guideนั่งสมาธิ มันจะรู้สึกเหมือนกับมีความสงบ มีความนิ่ง แต่ในขณะเดียวกันไม่ได้มีความอยากจะนอน ไม่ได้มีความอยากไปพักอยู่เฉยๆ

น้องสังเกตตอนที่มีความรู้สึกไม่อยากจะรับรู้อะไรตรงหน้า ตรงนี้เป็นพ้อยท์สำคัญที่เราจะใช้เป็นเครื่องสังเกต เพราะว่า ลองทบทวนดูนะ ภาวะที่เบื่อๆนั้นน่ะ มันมักจะมาตอนที่เรานั่งอยู่คนเดียวและงานตรงหน้ามันไม่ท้าทาย หรือไม่ก็อยู่กับคนที่เราขี้เกียจจะฟังว่าเค้าพูดอะไร จะเป็นเจ้านายจะเป็นเพื่อนร่วมงาน จะเป็นใครก็แล้วแต่ จะลูกค้า จะอะไรก็แล้วแต่ คือมันไม่เหมือนกัน สิ่งกระทบเนี่ย ที่เข้ามาหาเรา แล้วโดยความเป็นเรา โดยเส้นทางเนี่ย มันสร้างความเคยชินไว้ไงว่า ถ้าไม่พอใจเนี่ย จะอยู่ในอาการแบบซึม คือเปิดหูไว้ครึ่งหนึ่ง ยังสามารถโต้ตอบกับเค้าได้อยู่ แต่ว่าใจจริงๆเนี่ยมันไม่เอาแล้ว  มันเหมือนมีอะไรมาปิดครอบไว้ครึ่งหนึ่ง  ซึ่งตรงนี้เราจะนึกออกว่าอาการมันเป็นยังไง

เช่นกัน พอเรานึกออกว่าอาการแบบนี้เป็นยังไง พอไปแก้ด้วยการเจริญสติ ด้วยกาเคลื่อนไหว ขยับนิดนึงเนี่ยมันจะรู้สึกถึงอาการเปลี่ยนแปลง มันจะรู้สึกว่าจิตไม่เหมือนเดิม ในความไม่เหมือนเดิมเนี่ย เราดูได้จากภาพรวมว่า ทุกครั้งที่เริ่มจะถูกครอบด้วยนิสัยทางจิตแบบเก่าๆ มันจะไม่ถูกครอบเต็ม ถูกครอบแค่แป๊บเดียว แล้วมันก็เคลื่อนออก  แต่มันต้องใช้เวลา แล้วก็อาจจะถ้าไปวิ่งจ้อกกิ้งแล้วรู้เท้ากระทบได้ยิ่งดีเลย มันจะเหมาะกับเรามาก เพราะว่าสติของเราข้างในเนี่ยมันครึ่งๆกลางๆ จะว่าตื่นก็ไม่ใช่ จะว่าเซื่องซึมก็ไม่เชิง มันพร้อมจะสวิตช์ (switch) จากโหมดหนึ่งไปอีกโหมดหนึ่ง เหมือนคนที่จะกระตือรือร้นก็ได้ เซื่องซึมก็ได้ โดยที่ไม่ต้องรอเวลานาน แค่ข้ามนาที ไม่ต้องข้ามวัน แค่ข้ามนาทีมันเปลี่ยนจากแบบนึงไปอีกแบบนึงได้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น