วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ขี้น้อยใจไม่มีเหตุผล


ถาม : ขี้น้อยใจไม่สมเหตุสมผล จิตต้อนรับอารมณ์คิดวกวน โมหะ มันเป็นการทำงานของพวกระบบความคิด แต่ไม่ใช่มาจากการฝึกสมาธิใช่ไหมคะ?


รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/b3Lzo7aFKtA
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ การเจริญสติในชีวิตประจำวัน
๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก

 ดังตฤณ : จิตของเรา มันมีอาการต้อนรับอารมณ์แบบคิดวกวน คำว่าต้อนรับ เข้าใจไหม คือมันเหมือนเป็นพวกเดียวกันกับความคิดที่มันไม่จบ มันวน ตรงนั้น เป็นอาการอย่างหนึ่งของโมหะ คือเราจะรู้สึกได้ถึงเมฆหมอก ทั้งๆที่ใจลึกๆเรารู้สึกว่าน่าจะคิดได้แล้วแต่มันเหมือนมีอะไรห่อหุ้มอยู่ ปกคลุมอยู่ คืออธิบายตัวเองไม่ได้ รู้แต่ว่ามันคลุมอยู่ นั่นเป็นเพราะว่า เราสะสม….

 อย่างเคยเป็นคนขี้น้อยใจอย่างเนี้ย คือน้อยใจง่าย แบบอะไรนิดอะไรหน่อยจะจมอยู่กับอารมณ์น้อยใจ เนี่ยตัวเนี่ยที่มันชักนำตัว โมหะ เข้ามา จริงๆแล้วเรารู้สึกว่า คิดได้ตั้งนานแล้ว น่าจะอะไรตั้งนานแล้ว แต่มันออกจากตรงนี้ไม่ได้ ก็เพราะว่าสะสมอารมณ์ที่มันเป็นเนกาทิฟ (negative) มันไม่ใช่น้อยใจอย่างเดียวนะมันมีอีกหลายอย่าง แต่ว่าตัวน้อยใจมันเด่นขึ้นมานิดนึง มันเหมือนกับ น้อยใจคนรอบข้างรอบตัว น้อยใจชะตา น้อยใจนู้น น้อยใจนี้ บางทีก็นึกไปถึงเทวดานู้น อะไรอย่างนี้น่ะ
          เห็นไหม คนเราเนี่ย ชอบน้อยใจในสิ่งที่มันไม่มีตัวตน คือ เพราะว่าถ้ามันมีตัวตน มันโทษได้ง่ายๆ แต่พอโทษไม่ได้ ก็สงสัยฝีมือเทวดา หรือไม่ก็ฝีมือพ่อแม่ หรือไม่ก็อะไรที่ต้องหาแพะสักตัวนึงมารับ ทีนี้อารมณ์น้อยใจแบบไม่สมเหตุสมผล คือคนจะไม่เข้าใจว่าส่งอิทธิพลไปได้สะเทือนถึงขนาดไหน มันสะเทือนได้ถึงขนาดที่ว่า ถ้าเราจะคิดอะไรอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เป็นกิจจะลักษณะ เป็นเหตุเป็นผล มันคิดไม่ออก มันจมอยู่ เหมือนถูกตรงนี้ปิด แล้วมันกั้นคล้ายๆกับ.. มันไม่ใช่แบบกำแพงที่มันสูงหนาหนักอะไร แต่มันเหมือนกับเมฆหมอก เมฆหมอกอะไรบางอย่าง ที่เรามองทะลุออกไปไม่ได้ ตรงนี้เนี่ย ทางที่ดีที่สุดถ้าเกิดอารมณ์ลบในทำนองน้อยใจ เสียใจแบบไม่สมเหตุสมผลอีก ต้องรู้ตัวให้ได้ แปะชื่อให้มันเลย นี้แหละที่เรียกว่า โมหะ เห็นมันเป็นเมฆ เห็นมันเป็นหมอก เห็นเป็นอาการอะไรก็แล้วแต่ที่มันกำลังรู้สึกอยู่ตามจริง อย่างตอนนี้มันวูบๆวาบๆ เข้าใจไหมว่า อาการวูบๆวาบๆเนี่ยเกิดจากอะไร มันเหมือนเห็นไง มันเหมือนเห็นจริงๆว่ามีม่านหมอกแต่เห็นแล้วมันก็กลับมาปกคลุมอีก คือคล้ายๆว่าเห็นแต่ มันไม่ได้หายไปไหน แล้วพอเวลาเราออกจาห้องนี้ไป มันก็จะยังมีอาการแบบนี้แหละ เหมือนเห็นแต่ไม่หายไปไหน

          ทีนี้วิธีฝึก มันไม่ใช่เรื่องการภาวนาอย่างเดียว มันต้องวิธีคิดด้วย ต่อไปเนี่ยบอกตัวเอง ตั้งธงไว้เลยนะ ถ้ามันจะคิดน้อยใจ ถ้ามันจะคิดอะไรแบบไม่สมเหตุสมผลขึ้นมา บอกตัวเองทันที นี้! ตัวนี้คือ สาเหตุ คือม่านหมอกที่มันมาบดบังจิตใจของเรา ไม่ให้เข้าถึงความจริง ความจริงที่สมเหตุสมผล

           แล้วก็อย่างบางที เรามีเป็นช่วงๆ ตั้งหน้าตั้งตาขยัน แล้วเราก็รู้สึกว่า ขยันวูบนึงแล้วก็เหี่ยวลงมา แบบนั้นเนี่ยเป็นเพราะว่า เราไม่รู้จักกำลังตัวเอง กำลังตัวเองที่แท้จริงควรจะค่อยๆไปจากจุดที่เป็นอยู่จริง ค่อยๆไปทีละนิด ค่อยๆเขยิบขึ้นไป ไม่ใช่ไปคาดหวังว่าจะตั้งหน้าตั้งตาแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในฉับพลัน ชั่วข้ามคืน กลายเป็นใครที่ขยันขันแข็งจริงๆหรือว่ามีความสดใสจริงๆขึ้นมา มันฝืนธรรมชาติ มันผิดธรรมชาติ พอมันไม่เป็นจริงมันก็ยิ่งท้อ เราก็จะรู้สึกว่าไฟลุกโพลนขึ้นมาวูบนึงแล้วมันก็มอดดับลงไปภายในเวลาไม่นาน เอาแบบค่อยเป็นค่อยไป จำไว้นะ มันไม่มีการเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืน คนที่คิดว่าเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืนได้คือคนที่ ในที่สุดแล้วจะต้องกลับมาท้อแท้กับตัวเอง


** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น