วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วิธีเตรียมจิตให้โล่งสบายจนแผ่เมตตาได้จริง

ถาม : เพิ่งเริ่มฝึกปฏิบัติ แต่ว่าด้วยความที่เป็นคนที่ทำงาน แล้วอาจจะมีเรื่องอะไรคิดมากมายเกินไป เรื่องปฏิบัติก็ยังไม่ก้าวหน้าเลยค่ะ ก็อยากจะเรียนถามน่ะค่ะ อย่างเช่น ถ้าในชีวิตประจำวันมีคนที่ไม่ค่อยจะชอบเราหรือถูกชะตากับเรา ได้ยินมาว่าการแผ่เมตตาช่วยได้ ทุกวันนี้ก็พยายามแผ่เมตตาอยู่ อยากทราบว่ามันจะได้ผลไหม และควรจะปฏิบัติอย่างไร ถ้าเกิดมีคนไม่ค่อยชอบเรา

รับฟังทางยูทูบ :   https://youtu.be/oJHqtbfM21s 
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๙ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก 

ดังตฤณ :
แต่ทุกวันนี้ก็เหมือนกับแผ่อยู่แล้วบ้างนี่ ใช่ไหม

ถาม : ค่ะ แผ่อยู่ทุกวัน

ดังตฤณ :
แล้วเราก็รู้สึกเหมือนกับอยู่นิ่งได้ แล้วก็แผ่เมตตาออกได้เหมือนกัน เป็นวูบๆ

ถาม : ใช่ค่ะ

ดังตฤณ :
มันมีความนิ่งได้นะ ของเราน่ะ

ถาม : ค่ะ แต่มันอาจจะยังไม่ดีพอ ไม่สงบพอ

ดังตฤณ :
ไม่ ไม่ ไม่ คือพอเราไปตั้งเป้าไว้อย่างนี้ ว่าจะเอาให้มันดีเนี่ย มันไม่ดีแล้ว มันไม่มีความสุขแล้ว จำไว้ว่าตัว การเมตตา’ ที่แท้จริง มันต้องเริ่มจากความรู้สึกว่าสบายใจ มีความสุข แล้วก็ไม่คาดคั้นตัวเอง ถ้าคาดคั้นตัวเอง อยากจะแผ่เมตตาให้ดี อยากจะได้ผลสำเร็จว่า เขาจะมีทัศนคติกับเราที่ถูกต้องมากขึ้น พอไปหวังผลมากเกินไปอย่างนี้เนี่ย ความสุขมันหายไปแล้ว

แต่ของน้องคือ เท่าที่เห็นนะ มันจะมีช่วงที่เราแผ่เมตตาแล้วจิตนิ่งได้จริงๆอยู่สองสามวูบ สองสามขณะ 
ประมาณสักสี่ห้าลมหายใจได้ อะไรอย่างนี้ เราจะรู้สึกว่านิ่ง เราจะรู้สึกเหมือนกับไม่กระเพื่อม ไม่ฟุ้ง ไม่อะไร โน่นนี่นั่น แต่ว่ามันยังแคบอยู่ เราถึงได้รู้สึกว่าตรงนี้ยังไม่ดีพอ

ถาม : ค่ะ เหมือนกับมันยังไม่ค่อยไปไหน ยังไม่กระเตื้องเท่าไหร่

ดังตฤณ :
อันนี้เป็นเพราะว่าจิตของเรายังไม่มีกำลังมากพอส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่ง คือมันยังไม่คุ้นกับลักษณะของความสุขที่มันจะแผ่ออกไปเป็นเมตตาจริงๆ ถ้าอยากได้ตรงความเมตตาเนี่ย อย่างเมื่อกี้ตอนทำสมาธิ บางทีมันยังอดคิดไม่ได้อยู่ คือมันก็มีช่วงที่ดี มันก็มีช่วงที่อยากคิดไปเรื่องอื่นอะไรอย่างนี้

ถาม : ค่ะ ใช่ค่ะ

ดังตฤณ :
ตัวความรู้สึกอยากไปคิดเรื่องอื่นเนี่ย คืออย่างนี้นะ ตอนที่เรามีความสงบ เราจะเป็นอีกตัวหนึ่ง ที่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวตรงนี้ แล้วก็เรียบร้อยได้ แต่ตอนอยากไปคิดทางอื่นเนี่ย มันจะบ๊งเบ๊ง บ๊งเบ๊งเป็นอีกตัวหนึ่ง นึกออกไหม คำว่าบ๊งเบ๊ง มันหมายถึงว่าเป็นอีกตัวหนึ่งที่ไม่เรียบร้อยอ่ะ

ถาม : ค่ะ

ดังตฤณ :
อ่า เนี่ย ตัวนี้นะ ถ้าเรานั่งสมาธิแล้วเห็นความแตกต่างได้ว่า จากตัวหนึ่งที่สงบเรียบร้อยสำรวม

ถาม : (หัวเราะ) ค่ะ ใช่

ดังตฤณ :
ที่ขำนี่ก็คงเพราะเห็นความแตกต่างอ่ะเนอะ ว่ามันแตกต่างกันยังไง

ถาม : เห็นค่ะ ใช่

ดังตฤณ :
ตอนที่มันบ๊งเบ๊ง บ๊งเบ๊งเป็นอีกตัวหนึ่ง มันทะลึ่งตึงตังนิดนึง

ถาม : ค่ะ

ดังตฤณ :  
ดี ที่เราสามารถจะเห็นความแตกต่างได้ เพราะมันชัดเจน อะไรก็แล้วที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน มันจะทำให้เรารู้สึกได้เร็ว ว่าเนี่ย ไม่ใช่ตัวเดียวกัน คือถ้ามันตัวใกล้ๆกัน ฟุ้งซ่านกับสงบเนี่ย มันเป็นภาพเดียวกัน

ถาม : จะมองไม่ค่อยออก

ดังตฤณ :
เอ้อ มันจะมองไม่ค่อยออก แต่ถ้าตัวหนึ่ง โอ้โห เรียบร้อย ตั้งใจสงบเสงี่ยม คือว่าเราตั้งใจ เราตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น แต่พออีกตัวหนึ่งมันโผล่ขึ้นมาเนี่ย มันเหมือนตอนที่เรายังปล่อยให้ตัวเองหลุดโลก คือเราจะเป็นคนแบบ มีเพื่อนคอเดียวกันที่มาผสมโรงอะไรกันแบบนี้เยอะ แล้วมันก็จะเป็นความปรุงแต่ง ตามความเคยชิน ตามสภาพที่มันสะสมมา 

ทีนี้พอเรามาเริ่มที่จะเจริญอานาปานสติ หรือว่าเจริญสติระหว่างวัน การที่จะทำให้ได้ผลมากที่สุดเนี่ย ก็เอาตัวนี้มา เพราะมันเกิดขึ้นบ่อยในระหว่างนั่งสมาธิ พอมันมีอาการอะไรขึ้นมาเนี่ยนะ อย่าปล่อยให้ใจของเราไปติดอยู่กับภาวะบ๊งเบ๊งตรงนั้น ให้กลับมาแบบ เออ เรากำลังนั่งอยู่ แล้วลมหายใจเนี่ย กำลังหายใจเข้า หายใจออก และรู้ รู้แบบตระหนัก ยอมรับ ว่ามีอะไรที่มันตึงตังตึงตังอยู่ในหัว เห็นโดยภาวะ เป็นภาวะเปรียบเทียบว่าลมหายใจนี้มันตึงตังตึงตังขึ้นมา ดูไป มันจะค่อยๆสงบ อ่อนลงมา คือถ้าปล่อยตามมันด้วยความเคยชินแบบเก่าๆเนี่ย มันจะไปเรื่อย มันจะเหมือนกับไม่รู้จักว่าการเจริญสติเป็นยังไง หรือว่าการนั่งสมาธิเป็นยังไง แต่ก่อนมันไม่เอาเลย แต่พอเรารู้สึกถึงลมหายใจและรู้สึกถึงอาการตึงตังไป อีกลมหายใจต่อมา รู้สึกซาตัวลง มันกลายเป็น โอ้โห สงบเรียบร้อย จากตัวหนึ่งมันกลายเป็นอีกตัวหนึ่งชัดเจน แตกต่าง

ตรงนั้นน่ะ มันจะเริ่มเห็นเข้ามาที่ความปรุงแต่งของจิต คือไม่ใช่เห็นเข้ามาที่จิตนะ อย่ามองเป็นว่านั่นน่ะคือจิตของเรา แต่ว่าให้มองว่า นี่อาการปรุงแต่งของจิตเปลี่ยนไปคนละเรื่องแล้ว จากคนหนึ่งไปเป็นอีกคนหนึ่ง พอรู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างนี้เรื่อยๆ ค่อยไปดูตัวที่ว่ามันยังมีความอึดอัดอยู่ในตัวเรา

ตอนที่นั่งสมาธิ ถึงแม้ว่าตอนสงบดีๆนะ เราจะรู้สึกเหมือนกับว่ามีความอัดอั้นบางอย่าง คล้ายๆกับว่ามันฝืนและก็ไม่สบายเต็มที่ พอจะเข้าใจตรงนี้ไหม

ถาม : ค่ะ

ดังตฤณ :
ภาวะตรงนี้ ที่มันยังไม่สบาย ที่มันยังฝืดๆอยู่นิดหนึ่ง ตัวที่มันยังฝืดๆอยู่นิดหนึ่งน่ะ เราอาจจะต้องสำรวจ สังเกต ว่ามันเพราะอะไร บางทีเราอยากได้ความสงบ อยากได้ความสุข หรือว่าอยากได้ความนิ่ง หรือว่ากำลังบังคับลม

แต่ถ้าทำตามที่พี่ว่าเนี่ย มาไล่จาก เท้า มือ แล้วก็ใบหน้าขึ้นมา ที่อย่างเมื่อกี้นี้ เราจะรู้สึกว่ามันสบาย แต่สบายแค่ตัว พอเรามาเริ่มดู ลมหายใจมันอึดอัดขึ้นมา เราก็จะได้รับรู้ว่า เออ ยังหายใจแบบอึดอัดอยู่ มันจะเห็นเป็นช็อตๆ ตอนสบายเพราะว่าไม่ได้พยายามตั้งใจอะไรมาก ตอนอึดอัดเพราะว่าตั้งใจให้มันดีมากเกินไป หรือว่าตั้งใจให้ต่อเนื่องมากเกินไป 

อย่างตอนนี้เนี่ย พอรู้ว่ามันรู้สึกโล่งสบาย แล้วเวลาหายใจ ถ้าหายใจออกมาจากอาการโล่งสบายอย่างนี้ มันจะรู้ได้เรื่อยๆ แล้วความสุขอย่างนี้นี่แหละ เวลาที่แผ่เมตตามันจะแผ่ออกไปจริง เนี่ย ตอนนี้ ถ้าเราแผ่เมตตา อ่ะ หลับตา หลับตาเลย แค่รู้สึกถึงความสุขที่มันเกิดขึ้น เห็นไหม ที่มันโล่ง ที่มันสบาย แล้วไม่ต้องตั้งใจอะไรมากนะ แค่รู้สึกว่ากระแสเมตตาแบบนี้ เราอยากให้คนทั้งห้องได้มีความรู้สึกเหมือนกันกับเรา 

แล้วก็หายใจเข้าหายใจออก ดูไป ว่ากำลังของความสุขที่มันแผ่ออกไปเนี่ย มันมากหรือน้อย บางทีมันก็จะหรี่เข้ามา และเดี๋ยวมันก็กว้างออกไป แล้วก็เห็นความไม่เที่ยงของกระแสเมตตา ของกระแสความสุข ที่มันแผ่ออกไปเท่านั้นเอง

คือไม่ต้องไปแคร์ว่ามันจะมากหรือน้อย ว่ามันจะดีหรือไม่ดี แต่แคร์ตรงที่ว่าเราเห็นหรือไม่เห็น ว่ามันกำลังแสดงความแคบ ความกว้าง ไม่เท่าเดิมอยู่เรื่อยๆ ในที่สุดเนี่ย ตัวความรู้สึกไม่แคร์ มันจะกลายเป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง ความสุขอันเกิดจากความไม่อยากให้มันเกิดอะไรขึ้น แต่อยากที่จะรู้ อยากที่จะดูยอมรับตามจริงเป็นขณะๆไป

ตัวนี้ กระแสเมตตามันจะแผ่เนียนขึ้น และกระแสแบบนี้แหละ กระแสที่มันแผ่ออกไปเต็มเนี่ย  มันจะมีผลกระทบจริง คือไม่ต้องมานึกหน้าเค้าตอนที่เรากำลังแผ่เมตตาก็ได้ แต่คิด คิดก่อนว่าเราจะแผ่ไม่มีจำกัด ไม่มีประมาณ พอมันเนียนจริงๆ แล้วเราถึงค่อยมานึก แค่นิดเดียว แค่อึดใจสองอึดใจ ว่าขอให้เขามีความสุขแบบเดียวกับที่เรารู้สึกอย่างนี้นะ เวลาเจอหน้าเขาจริงๆเนี่ย มันจะเกิดความจำเก่าผุดขึ้นมา แล้วรู้สึกว่า ใบหน้าของเขามันจะมาจุดชนวนความรู้สึกอยากแผ่เมตตาให้ เหมือนกับที่เคยทำ อย่างเนี้ย เข้าใจนะ

ถาม : ค่ะ โอเคค่ะ เข้าใจค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น