วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วิธีประคองชีวิตคู่ให้อยู่กันรอด

ถาม : รู้สึกว่าสามีเลวมาก แค้นสามีมาก จะลบแค้นจากใจอย่างไรดี  ?
รับฟังทางยูทูบ https://youtu.be/XVrglHQ6DK0
(ดังตฤณวิสัชนา  Live  # ทางเฟสบุ๊ก ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙)


ดังตฤณ: 
ยุคเราเนี่ยมันหนักหนาสาหัสกว่ายุคอื่นๆใดที่ผ่านมา ผมว่าคงไม่มียุคไหนสมัยไหน ที่คู่ผัวตัวเมียจะมีปัญหากันแทบทุกคู่ได้เท่ายุคสมัยนี้ ผมรู้จักคู่รักมา..เอาเป็นว่าเยอะมาก บางคู่เป็นที่อิจฉา เป็นคู่รักในฝันเลยว่างั้นเถอะ ใครๆก็อยากที่จะมีชีวิตแบบนั้น   คือที่แท้แล้วพอพ้นหูพ้นตาคนอื่น ก็ไม่ได้มีความสุขไปกว่าคู่รักธรรมดาทั่วไป ก็มีความทุกข์เหมือนลิ้นกระทบฟันอยู่ตลอดเวลาแทบทุกวัน เพราะฉะนั้นเอาเถอะอย่ามองว่าเราโดดเดี่ยวก็แล้วกัน เรามีเพื่อนเยอะอยู่ในยุคปัจจุบัน

และผมว่านะที่คนยุคเรามีทุกข์กันเรื่องคู่มากเนี่ย ก็เพราะว่าเดินทางกันผิด เดินกันผิดทาง คือไปเชื่ออะไรที่ บางทีเราตั้งความเชื่อขึ้นมาบางอย่าง ดูเหมือนกับว่ายุติธรรม ดูเหมือนกับว่าอันนี้เป็นเรื่องที่แฟร์ แต่เอาเข้าจริง มันมาผิดทาง คือ เรื่องบางเรื่องถ้าเราจะเอาความยุติธรรมกันมากเกินไป จะเอาความเท่าเทียมกันมากเกินไป มันกลายเป็นการที่เราไม่สามารถจะรักษาธรรมชาติของคู่เอาไว้ได้ 

อย่างผู้ชายยุคนี้ต้องยอมรับความจริงนะ อันนี้ไม่ได้พูดว่าใครทั้งสิ้นนะ ต้องยอมรับความจริงว่าจะค่อนข้างมักมากกัน คือไม่ค่อยมีความอยากจะรักเดียวใจเดียว ไม่ค่อยอยากจะอยู่กับคนๆเดียว มันเบื่อง่าย แล้วก็อยากลองของใหม่อะไรแบบนี้ ซึ่งพูดถึงผู้ชายก่อน ไม่ได้หมายความว่าด่าผู้ชายนะ แต่ขอให้ยอมรับความจริงว่ามันเป็นแบบนี้

ส่วนผู้หญิงเนี่ยคือบางทีด้วยความที่อยากจะเท่าผู้ชาย บางทีแก้ปัญหาหรือว่าทำตัวเหมือนผู้ชาย ซึ่งไม่ใช่ชัยภูมิของความเป็นหญิง ชัยภูมิของความเป็นหญิงคือความอ่อนโยน ถ้าจะรบชนะต้องรบด้วยความอ่อนโยน ไม่ใช่รบด้วยความแข็งกร้าว การรบด้วยความแข็งกร้าวเป็นหน้าที่ของผู้ชายเค้า เป็นเรื่องของธรรมชาติของเพศที่มันจะแสดงความห้าวหาญอะไรแบบนี้ ทีนี้ถ้าเราเหมือนกับรบผิดที่ หรือว่าออกจากชัยภูมิของตัวเอง บางทีมันแพ้ด้วยกันทั้งคู่ มันไม่มีใครชนะ

แต่ผู้หญิงที่เข้าใจธรรมชาติของตัวเองจริงๆ แล้วพยายามที่จะรบ หรือเอาชนะด้วยความอ่อนโยน ด้วยความนุ่มนวล ผมเห็นมาเยอะนะ เยอะจริงๆ ที่สามารถเอาชนะได้ เอาชนะได้จริงๆ เอาชนะได้ ถึงไม่ใช่เอาชนะด้วยการหักหาญ  หรือว่าบอกว่า นี่จงยอมแพ้  กดหัวให้อีกฝ่ายอยู่เบื้องล่าง  แต่เอาชนะด้วยการทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกผิด รู้สึกสำนึก รู้สึกที่จะรับผิดชอบ คนๆหนึ่ง เวลาที่จะสำนึกผิด จำไว้นะ ไม่ได้สำนึกผิดด้วยอารมณ์โกรธ แล้วก็ไม่ได้สำนึกผิดด้วยอารมณ์ที่ว่าตัวเองเป็นนายเหนือ คือบางคนใช้วิธีจ๋อย ใช้วิธีเหมือนกับน่าสงสาร นิ่งๆไม่พูดไม่จา ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น แต่อันนั้นก็ไม่ใช่ถูกเหมือนกันนะ วิธีที่จะทำให้ผู้ชายเกิดความรู้สึกผิดได้ จำไว้นะ ไม่ใช่ด้วยการที่เรายอมจ๋อย แล้วก็ไม่ใช่ การที่เราด่าทอ  แต่ต้องเป็นด้วยวิธีที่เค้ารู้สึกว่าเรายังมีสติดีอยู่ เรายังมีความผ่องใสอยู่ แล้วก็เราสามารถที่จะไม่ถือสา ไม่ถือสาจริงๆ  

ส่วนผู้ชายเวลาที่มีความรู้สึกกับผู้หญิงนะครับ ในทางที่แหมอยากให้เค้าเป็นอย่างใจเรา อยากให้เค้าอยู่ในอำนาจของเราตามธรรมชาติของเพศชายนะ คือ ผู้หญิงสมัยนี้เค้าจะไม่รู้สึกว่าเราเป็นเจ้านายหรือว่าอยู่เหนือกว่าอีกต่อไป มันมีการพยายามเอาความเท่าเทียมทางเพศมาเป็นตัวตั้งทางความรู้สึกกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราไปพยายามที่จะวางอำนาจหรือว่าอยู่เหนือกว่าเอาดื้อๆนะ ไม่พยายามเอาชนะใจด้วยการใช้เหตุผลหรือว่าใช้อุบายวิธีที่เหมาะสมกับคู่ของตนนะ ในที่สุดผู้หญิงก็จะเหมือนกับไปเร่งให้ผู้หญิงพยายามมาแข่งดีด้วย พยายามที่จะมาสู้รบตบมือเอาชนะกันด้วยวิถีทางของความเท่าเทียม   ซึ่งมันก็จะผิดเพศด้วยกันทั้งคู่ ผิดฝาผิดตัว คือฝ่ายชายแทนที่จะทำตัวเป็นที่พึ่งที่น่าอบอุ่น มันกลายเป็นไปกระตุ้นให้ฝ่ายหญิงอยากมาแข่งดีด้วย

ส่วนฝ่ายหญิงพอถูกกระตุ้นให้แข่งดีด้วย   มันก็เกิดความรู้สึกเหมือนกับว่า  สับสนในตัวเองว่าตกลงเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะต้องทำตัวเป็นผู้ชายกันแน่ 
  

ปัญหาอะไรแบบนี้ที่มัน ยุคเรามันค่อนข้างมากันผิดทาง กำลังเป็นเหมือนกับตัวที่ทำให้สถาบันครอบครัวมันพัง มันไม่สามารถอยู่กันได้รอด มันอยู่รอดกันได้ยากมันมีโอกาสที่จะอยู่ด้วยกันได้รอดค่อนข้างยาก แล้วคนยุคเราสมาธิสั้น คือไม่ค่อยอยากจะอดทนกับอะไรนานๆ อยากจะแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราด  หรือว่าอยากจะแสดงถึงความต้องการที่แท้จริง ผ่านคำพูดตรงไปตรงมากันค่อนข้างมากนะครับ คือ ไม่อยากทน ไม่อยากจะอยู่กับอะไรที่ทำให้เกิดความทุกข์  ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่ว่ามีภาระหน้าที่ร่วมกันแต่ก็ไม่อยากจะแบกภาระนั้นอีกต่อไป 


อันนี้ก็สรุปนะครับ คือว่ายุคของเราเนี่ย คือ  เมื่อคุณจับคู่กับใครขอให้นึกว่าตัวเองเนี่ยเข้าไปอยู่ในโอกาสที่จะได้เกลียดกัน เหมือนกับคนหมู่มากที่เค้าประสบกันอยู่ ถ้าหากกว่าเราทำความเข้าใจกันไว้ตั้งแต่ต้นว่า ธรรมะยังไม่ล้าสมัย ธรรมะทำให้คนสองคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นปกติสุข  และธรรมะสามารถทำให้คนสองคน ที่รู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้  สามารถที่จะยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ถึงแม้ว่าจะแยกกันแล้ว

การที่เราจะเลิกเกลียดใครได้ บางที อันนี้พูดด้วยความเข้าใจนะ  บางทีมันเหมือนสายเกินไป มันถอนความเกลียดไม่ได้แล้วล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดการทำร้ายกันมาทุกวันๆ เป็นเดือนเป็นปีเนี่ยนะ เอาธรรมะข้อไหน  มาพยายามละความเกลียดบางทีมันยากมาก แต่ถ้าหากเรามีธรรมะเตรียมไว้ก่อนที่จะเกลียด มันจะเกลียดไม่มาก มันจะปรับใจเกลียดได้ไม่มากนัก มันมีพื้นที่ของความสุข มันมีพื้นที่ของกุศลจิต คอยช้อนคอยรองรับ คอยทำให้ไม่ต้องเกลียดกัน ยังสามารถที่จะเป็นเพื่อนร่วมโลก  เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขที่ดีต่อกันได้อยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น