วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เบื่อๆอยากๆที่จะภาวนา

ถาม : เบื่อๆอยากๆที่จะภาวนา 
รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/qkWBZe-grJ0
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๒
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๑๘ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก

ผู้ถาม : คือผมฝึกปฏิบัติมาระยะหนึ่งแล้ว นานพอสมควร และรู้สึกว่าเบื่อ ๆ อยากๆ และก็ไม่ค่อยสำเร็จ เลยอยากได้รับการชี้แนะนิดนึง บางทีมันก็จะยังไงต่อ?   

ดังตฤณ: 

อาการเบื่อๆ อยากๆ มันมาจากความไม่แน่ไม่นอนไงว่าเราจะวัดผลความคืบหน้าจากตรงไหน คือมันรู้สึกเหมือนทำไปแล้วงั้นๆ

ทีนี่ถ้ามาลองทำสมาธิหรือว่าเดินจงกรมบ้าง มันจะเริ่มเห็นว่า เออ เนี่ยความก้าวหน้า คำว่าความก้าวหน้าเนี่ยวัดจากจิตที่ตั้งมั่นมากขึ้น อันนี้ บางทีมันเหมือนกับรู้เห็นสภาวะธรรมในชีวิตประจำวันได้ก็จริงนะ แต่มันรู้ผิว ๆ มันรู้บ้างไม่รู้บ้าง มันไม่ได้รู้ตลอดเวลา 


แล้วจิตเนี่ย ของคุณจะยังรู้สึกอยู่ว่าจิตมันแส่ส่ายๆ คือมันรู้เห็นสภาวะธรรมอะไรบ้างก็จริงนะ รู้ตามจริง รู้ไปว่าเออเนี่ยเกิดอะไรขึ้น ภายนอกภายใน บางทีรู้เห็นเป็นจิตด้วยซ้ำ แต่มันไม่แน่ไม่นอน เอาแน่ไม่ได้ เพราะจิตมันยังซัดส่ายอยู่ ไปตรงโน้นที่ตรงนี้ที่ คือมันยังฟุ้งซ่าน คือยังเห็นความฟุ้งซ่านว่ามันเป็นคลื่นรบกวน 

ทีนี้ถ้ามาฝึกสมาธิบ้าง เนี่ยยังที่ไกด์ไปตอนแรก เมื่อกี้ ตอนทำเนี่ยก็ยังรู้สึกฟุ้งๆๆๆ อ่ะนะ คือมันมีความสงบ ความว่างขึ้นมาเป็นวูบๆ แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ ทำไป เพิ่มพูนทักษะความชำนาญในการที่จะเข้าสมาธิ จะเห็นเลยว่าลักษณะของความฟุ้งซ่านในหัวเนี่ย มันลดระดับลงและจิตจะมีความตั้งมั่นมากขึ้น 

และก็อีกจุดหนึ่ง ตอนที่เดินไปเดินมาเนี่ย ลองสังเกต มันเหมือนจะไม่ได้มองอะไรชัดอยู่ตรงหน้านะ มันจะสุ่มไปเรื่อย ตามอาการคิดที่มันไหลไปในหลายๆ เรื่อง แทนที่จะปล่อยให้ความคิดมันไหลอยู่ในหัวไปเรื่อยๆ เราลองสังเกตเท้ากระทบดู ในตอนเดินนะ ในช่วงเดิน เพราะถ้าไม่เอาเท้ากระทบเป็นศูนย์กลางการสังเกต บางทีเนี่ย มันจะรู้สึกเหมือนกับเรารู้ตัวอยู่ แต่ในอาการรู้ตัวเนี่ย แป๊บนึงมันกลายไปเป็นคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไหลไปเรื่อย  

แต่ถ้าหากว่าเราสังเกตอยู่ เนี่ย รู้หรือเปล่าว่ากำลังรู้เท้ากระทบ กระทบๆๆ ไปเรื่อยๆ มันจะมีมาตรวัดที่ชัดเจน อย่างถ้ากติกาของเราคือมีสติหมายถึงเท้าอยู่ในใจ คือรู้สึกถึงกระทบอยู่ในใจ ฉะนั้น ถ้าเท้าหายไปจากใจ ก็แปลว่าสติหายแล้ว มันจะได้ดึงกลับมาถูกว่าจะดึงกลับมาตรงไหน 

ไม่งั้น ตอนที่คุณเดินไปเนี่ย มันเหมือนกับพอล่องลอยไปแล้ว ไม่รู้จะเอาจุดไหนเป็นมาตรวัดว่าเนี่ยกลับมามีสติใหม่แล้ว อาการที่ใจมันลอยไป มันฟุ้งซ่านไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรารู้ก็จริงว่าเนี่ยกำลังฟุ้งซ่าน แต่มันไม่มีมาตรวัดเลย มันไม่รู้จะเอาตรงไหนเป็น reference ว่าเนี่ยเรากลับมามีสติใหม่ แต่ถ้าหากว่ารู้เท้ากระทบไป อันนี้ชัดเจน กลับมารู้เท้านะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น