วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

รักษาโรคด้วยเซลล์อ่อนจากสัตว์ บาปไหม

ถาม : พอดีคุณแม่ไม่สบายมากค่ะ ใช้วิธีรักษาอื่น ๆ มาหลายวิธีแล้ว แต่มันไม่ได้ผล เพราะต้องใช้สเตียรอยด์อย่างเดียว มันก็มีแต่จะแย่ลง แต่เผอิญมันมีวิธีรักษาที่เรียกว่า ชีวะโมเลกุลค่ะ แต่มันเป็นการใช้เซลล์ของสัตว์ คือลูกวัวอ่อน พอคุณแม่ทราบวิธีการรักษา เขาก็ไม่เอา เพราะมันจะผิดศีล เพราะไปฆ่าสัตว์ แต่ว่าดูจากวิธีที่เขารักษาคือว่าเขาเตรียมมาแล้ว เพราะมันไม่ได้ทำที่เมืองไทย มันทำที่เยอรมัน เขาเตรียมมาแล้ว และเอามาที่เมืองไทย

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/16NVNHuyo7Q
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๐
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
 

ดังตฤณ: 
คุณแม่เป็นมังสวิรัติหรือเปล่า

ผู้ถาม : ไม่เป็นค่ะ

ดังตฤณ: 
อ้า ถ้าคุณแม่ไม่เป็นมังสวิรัตินะ ไปบอกเลย บอกว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลย

ผู้ถาม : กับการทานเนื้อสัตว์ ?

ดังตฤณ: 
คือการกินเนื้อสัตว์เนี่ย มันเป็นศพมาอยู่แล้ว เราไม่ได้มีความตั้งใจอยากจะไปสนับสนุนใครให้ฆ่า ยิ่งเซลล์สัตว์เนี่ย บางทีเขาไม่ต้องฆ่าเสียก่อนด้วยซ้ำ คือเท่าที่พี่รู้เนี่ยก็คือเอาเนื้อเยื่อส่วนหนึ่งมาเฉย ๆ

ผู้ถาม : อันนี้ฆ่าค่ะ เพราะว่าเอาลูกวัวในท้อง ต้องฆ่าแม่ก่อน แล้วเอาลูกวัวมาเลยค่ะ

ดังตฤณ: 
อ้อ อย่างนี้คือ คุณแม่คงไม่สบายใจ

ผู้ถาม : คือไม่ได้เจาะจง อย่างที่เขาไปฉีดสเต็มเซลล์อันนั้นนะ คือไปและก็ทำเลย ฆ่าตรงนั้น เจาะจงฆ่า แต่นี่คือมันทำที่เยอรมัน แต่ว่าเขาก็เตรียมมาแล้ว และก็เพื่อเอามารักษาคน มันก็เหมือนกับยาที่เตรียมมาไว้ก่อนแล้ว

ดังตฤณ: 
เอาล่ะ คืออย่างนี้นะ ถ้าแม่ไม่สบายจริงๆ อย่าไปฝืน อันนี้ต้องพูดในเรื่องของจิตก่อน เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณแม่รู้สึกว่า เนี่ยรอดมาได้หรือว่าดีขึ้นได้ เพราะว่ามีสัตว์ตายเพราะตัวเอง มันจะรบกวนจิตใจไปตลอด และตรงนั้นล่ะที่มันไม่คุ้ม  ถ้าคุณแม่เกิดจะต้องไปเพราะว่ามีความไม่สบายใจเนี่ย คือแม้แต่คิดนิดเดียวเนี่ย มันถึงขั้นที่ทำให้จิตสุดท้ายเนี่ย มันไม่สามารถจะสบายได้ ไม่สามารถเป็นกุศลได้นะ

ผู้ถาม : แล้วจริงๆ ถ้าตัดสินกันตามความยุติธรรมแล้ว ตกลงแล้วมันคิดยังไง

ดังตฤณ: 
มันก็เหมือนกับเนื้อสัตว์เนี่ย คือเวลาที่โรงฆ่าสัตว์เขาฆ่าเนี่ย เขาไม่ได้กะว่าจะเอาศพไปโยนทิ้งเปล่าหรอก เขาตั้งใจที่จะเอามาให้พวกเรากินนั้นแหล่ะ แต่ที่นี้อย่างเรื่องการกินมังสวิรัติ หรือว่าการจะกินเนื้อสัตว์หรือไม่กินเนื้อสัตว์ จะกินเจหรือไม่กินเจดีเนี่ยนะ มันเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันมานาน อย่างพี่เองเนี่ย ถ้ามีคนมาให้โหวตนะ จะให้ฆ่าหรือไม่ฆ่าสัตว์เพื่อมาเป็นอาหารนะ พี่อยู่ข้างโหวตว่าไม่ฆ่า แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะว่าวงจรการใช้ชีวิตแบบมนุษย์เนี่ย ตั้งแต่สมัยก่อนมาก็ดี สมัยนี้ก็ดี หรืออนาคตข้างหน้าก็ดี จะไม่มีใคร กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเกิดมาแล้วทำให้มันเป็นมังสวิรัติไปได้

มนุษย์เนี่ยเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวงจรของกรรมที่เบียดเบียนใกล้ชิดกับพวกสัตว์ พวกสัตว์ที่มันจะต้องตาย มันก็ต้องใช้กรรมทั้งนั้นล่ะ ไม่งั้น มันไม่เป็นวัว ไม่เป็นควาย พวกวัวพวกควายเนี่ยถูกมนุษย์ใช้งาน เกิดมาเพื่อโดนเลี้ยงไว้เพื่อฆ่าเอาชีวิต หรือไม่ก็ใช้เอากำลังงาน

อธิบายให้แม่เข้าใจได้นะว่าตรงนี้เนี่ย คือถึงเราไม่ได้เจ็บป่วย เพื่อที่จะให้เค้าไปฆ่าลูกวัวมา ลูกวัวก็ต้องตายอยู่แล้ว ตายอยู่ก่อนที่เราจะรับรู้  ตายอยู่ก่อนที่เราจะป่วย และถึงแม้ว่าเราจะหายป่วยหรือไม่หายป่วยก็ตาม มันจะต้องมีลูกวัวถูกฆ่าอยู่แล้ว โดยคนที่อยู่ในวงจรฆ่าฟันแบบนี้ ถ้าหากว่าเรากินเนื้อได้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่รับเซลล์ตัวอ่อนจากลูกวัว คือพูดเป็น ๒ ประเด็นนะ ประเด็นที่ไม่สบายใจ เราตามใจแม่ คือปล่อยให้แม่ไปยังดีกว่าที่จะ..

ผู้ถาม: คือคุณแม่เนี่ยไม่ไปง่าย ๆ ค่ะ คือจะต้องอยู่และทรมานอย่างนี้ค่ะ

ดังตฤณ: 
เนี่ยก็พูดเป็นสองนัยแบบนี้ แล้วให้คุณแม่เลือก คือถามว่าคุณแม่ไม่สบายใจหรือเปล่า ถ้าไม่สบายใจ โอเค เราไม่ฝืน เพราะใจเนี่ยเราต้องให้ไพรออริตี้ (priority) กับมันเป็นอันดับหนึ่ง คือไม่ใช่บอกแม่ว่า เนี่ยจำเป็นนะ ขอทำนะ ขอโทษนะ หนูขอฝืนใจ ตรงนั้น มันกลายเป็นปมใหญ่ในใจคุณแม่ได้ แต่ถ้าหากว่าเมื่อไหร่ที่เราอธิบายและคุณแม่รับรู้ได้ว่าไม่ต่างกับกินเนื้อสัตว์เลย ต่างกันตรงที่ว่ากำลังใจที่ฆ่าน้อยกว่าด้วย เพราะว่าอันนั้นเนี่ย เขาฆ่าแค่ตัวเดียว มันใช้ได้เยอะมาก นานมาก เพราะมันเพาะได้ เพาะเพิ่มได้

เนื้อลูกวัวที่เอามากินกัน หรือว่าเนื้อวัวที่เอามาบริโภคกันในวันธรรมดาเนี่ย คือตัวหนึ่งกินได้ไม่เท่าไหร่ แต่ลูกวัวตัวหนึ่งเนี่ย คือมันสามารถที่จะช่วยชีวิตคนได้ ช่วยบำบัดรักษาโรคให้คนเป็นจำนวนมากๆ ได้ ถ้าคิดในแง่นั้นเนี่ย มันก็เหมือนกับทำและอุทิศส่วนกุศลให้ลูกวัวที่ตายไปก็ได้ เป็นลูกวัวที่ช่วยเราโดยที่มันไม่รู้ตัว แต่เรารู้ว่าเราจะอุทิศส่วนกุศลให้มัน

ลองไปพูดแบบนี้ให้แม่ฟัง แล้วถ้าแม่ยังไม่สบายใจ อย่าฝืน แต่ถ้าแม่สบายใจแล้วเนี่ย ก็ให้รู้สึกเถอะว่าไม่แตกต่างจากที่กินเนื้อสัตว์ ไม่แตกต่างเลย คือถามแม่ก็ได้ อันนี้คีย์เวิร์ด (keyword) เลย ถามแม่ว่า แม่มีกำลังใจที่อยากให้ลูกวัวตายไหม  แม่ใช้ใครให้ไปฆ่าลูกวัวไหม แม่มีการรับรู้ถึงการตายของลูกวัวไหม ถ้าหากว่าสำรวจแล้ว มันไม่มีกำลังใจ ไม่มีการรับรู้ ไม่ได้ร่วมรู้เห็นเลย

ก็เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า ถ้าหากว่าภิกษุไม่รู้ไม่เห็นว่าชาวบ้านเค้าเอาเนื้อมาจากไหน สามารถฉันได้ แต่ถ้ารู้เห็นแม้แต่นิดเดียว ว่าตัวนี้ ตัวนี้ตายเพราะว่าชาวบ้านเค้าประชุมกันบอกว่าเนี่ยตัวนี้จะเอามาถวายพระ แบบนี้ ถ้าไม่สบายใจขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ห้ามฉัน  แต่ถ้าอยู่ๆ มาถวายเลย ไม่รู้ว่ามาจากไหน รู้แต่ว่าเนี่ยเป็นความสะดวกของชาวบ้านเค้า เป็นธรรมเนียมของชาวบ้านเค้า เค้าถวายกันอย่างนี้ อย่างนั้นให้ฉันได้ นี่ก็เหมือนกัน คือถามว่าตาแม่เห็นลูกวัวไหม กำลังใจแม่มีความอยากให้สัตว์ตายไหม หรือว่าแม้แต่ผู้ที่จะไปฆ่าคือใครเนี่ย แม่เคยไปบงการเขาไหม ถ้าแม่สำรวจใจตัวเองแล้วมันสบายก็โอเคเลยนะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น