วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เบื่อตัวเองที่บางวันขี้เกียจ ป้อแป้ ไม่มีไฟ

ถาม :  บางวันหนูจะรู้สึกมีไฟมาก คือสามารถทำทุกๆอย่างได้ มีโปรเจคอะไร หรือมีคนที่ให้ทำงานหรือมอบหน้าที่ให้ แล้วหนูสามารถจัดการ เวลาในการทำทุกอย่างได้หมดเลย แต่ บางวันมันก็รู้สึก ไม่มีไฟไปเลยอ่ะค่ะ รู้สึกนิ่งแล้วก็ไม่อยากทำอะไร แล้วก็รู้สึกว่า เสียดายเวลามาก เพราะหนูไม่สามารถทำอะไร ในวันที่เหนื่อยได้เลย

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/8HYoAAXPGQk
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๑๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
 
ดังตฤณ: 
การที่เราเบื่อๆ อยากๆนะ มันไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องขยันหรือขี้เกียจ มีไฟหรือไม่มีไฟ แต่ของเรามันจะเหมือนกับอย่างนี้แหละ คือว่าถ้ามีแรงดัน คิดเป็นแรงดันก็แล้วกัน เพราะว่าภาพทางใจมันจะปรากฎง่าย

เวลาที่เรารู้สึกว่าอยากขยันอยากมุ่งมั่น อยากทำโน่นทำนี่ มันจะเหมือนมีไฟ มีพลัง ตรงนั้นเนี่ยนะ ก็เพราะว่าแรงดันมันกลับมา อยู่ในช่วงที่มีแรงดัน มีแรงผลักดัน

แต่วันไหน ที่เรารู้สึกไม่มีแรง มองเข้าไปที่ความรู้สึกทางใจ มันจะเหมือนไม่มีแรงผลักดัน เหมือนต้นกำเนิดของพลังเนี่ยมันหายไป หายไปไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้มันไม่มี ช่วงเวลาที่เรารู้สึกไม่อยากทำอะไรเลย หรือว่าสมองไม่ทำงาน จิตใจไม่พรักพร้อมที่จะคิดอ่านกระทำการใดๆ ให้มองเป็นอย่างนี้ไว้ก่อน

ตัวตั้งตัวแรกเลย ณ วินาทีนั้นเลย ที่เรารู้สึกอนาจใจกับสภาพตัวเอง ณ เวลานั้นนะ ยอมรับว่ามันเกิดความรู้สึกไม่มีไฟ ยอมรับว่ามันไม่มีแรงดัน ยอมรับว่ามันขี้เกียจ ยอมรับว่ามันไม่มีทางไป แต่อย่าไปรู้สึกทำนองว่าสมเพชอเนจอนาถชีวิตตัวเอง เพราะความรู้สึกสมเพช หรือรู้สึกตำหนิตัวเองเนี่ย มันจะยิ่งทำให้ใจหดหู่ลงไปอีก พูดง่ายๆว่า ตัวตั้งต้นมันไม่มีกำลังใจ แล้วเราไปทับถมตัวเองให้หมดกำลังใจหนักเข้าไปอีก มันเท่ากับยืดอายุของความหดหู่ ของอาการหมดแรงให้นานออกไป และยิ่งเราจมอยู่นานเท่าไหร่ แทนที่มันจะค่อยๆหายไปนะ มันกลายเป็นพอกพูนขึ้น มันกลายเป็นเหมือนกับแรงกดไม่ให้อยากขยับมือขยับเท้า ลองสังเกตอาการทางใจดูก็ได้ เวลาที่เราทับถมตัวเองมันจะยิ่งแย่ลง ไม่ใช่จะดีขึ้น

คือคนปกติเนี่ย ต้องบอกว่า เฮ้ย ถ้าเราทำไม่ดีต้องตำหนิ หรือว่ากำลัง ป้อแป้ๆเนี่ย คำด่าช่วยได้อะไรอย่างนี้ จริงๆไม่ใช่  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันไม่ได้ด่าออกมาเป็นคำๆ แต่คิดอยู่ข้างในว่า รู้สึกแย่จัง เราไม่มีดี เราไม่เอาไหน เราขี้เกียจ เราอย่างงั้น เราอย่างงี้ มันจะเหมือนมีแรงกดนะ มันจะเหมือนมีแรงมาครอบ ให้เรารู้สึกว่าอยากจะก้มหน้าก้มตา นึกออกใช่ไหม เนี่ย ภาพทางใจมันเป็นอย่างนี้นะ มันเหมือนกับยิ่งเราไปรู้สึกแย่กับตัวเอง แทนที่อะไรๆมันจะดีขึ้นเนี่ย มันกลับพอกพูน แล้วก็ทำให้เราเนี่ยลุกขึ้นยากมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ทีนี้ถ้าในชั่วขณะที่เรารู้สึกวันนี้ไม่มีกำลังใจ วันนี้ไม่มีแรงผลักดัน วันนี้ใจมันเหมือนกับโหวงๆ ความคิดมันเหมือนกับคนที่เหลวไหลไร้สาระ ยอมรับสภาพที่มันกำลังปรากฎเนี่ย เหมือนกับคนคิดเหลวไหล เหมือนกับใจเรามันไม่มีค่า ตัวเราไม่มีความหมาย อะไรในโลกนี้เนี่ย รู้ไปว่าสภาพแบบนั้นเรียกว่า "จิตหดหู่" จิตมีอาการที่เข้าสู่ความฟุ้งซ่านในแบบเหลวไหล แล้วหายใจสักครั้งนึง รู้ว่าเนี่ย สภาพแบบนี้ อาการแบบนี้หน้าตามันเป็นอย่างนี้ หน้าตามันเหลวๆ ไหลๆ หน้าตามันเหมือนกับเหยาะแหยะๆ

จากนั้นเราจะรู้สึกว่า ด้วยอาการยอมรับ มันทำให้มีสติขึ้นมาวูบนึง วูบเดียวนะ คือมันไม่ใช่มีแรงดันขึ้นมาทันที การเจริญสติ ไม่ได้ทำให้เรามีไฟอยากจะไปทำงานแบบโลกๆ แต่อย่างน้อยมันไม่ทำให้เราแย่ลง ชั่วขณะที่มันเกิดอาการดาวน์ (down) ลงมาเนี่ย ในอาการที่มันทำท่าจะแย่ลงมา เราไม่ไปซ้ำเติมให้มันแย่ลงไปอีก

แค่นั้น เราจะเกิดความเข้าใจว่า ถ้าจิตที่มันว่างเปล่าแบบนั้นเนี่ยนะ เอาไปทำงานอะไรสักอย่างนึง ที่ไม่ใช่งานเก่าๆ ที่ไม่ใช่งานแบบรูทีน (routine) จำเจ มันจะมีแก่ใจทำได้ โดยไม่ว่าตัวเอง อะไรก็แล้วแต่ ที่เราทำมาเรื่อยๆ แล้วเรารู้สึกเบื่อเหลือเกิน มันไม่มีแรงดัน มันไม่มีแรงขับให้อยากทำ ณ เวลานั้นเนี่ย อย่าไปฝืน บอกตัวเองว่า ให้เวลาห้านาที สิบนาที ไปทำอย่างอื่น ที่เรานึกชอบจริงๆ หรือถึงไม่นึกชอบ ถ้ามันไม่มีอะไรชอบใจอยู่ใกล้มือเนี่ย ไปทำอะไรสักอย่าง ที่ไม่ได้ต้องอาศัยความฝืนใจ

จำไว้ว่า อย่าปล่อยให้จิตมันจมอยู่กับความรู้สึกแย่ อย่ากดดันตัวเองให้รู้สึกแย่หนักเข้าไปอีก แล้วก็อย่าปล่อยให้มันค้างคาอยู่อย่างนั้น ไปทำอะไรสักอย่างนึง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเช้าแปรงฟันแล้ว ไปแปรงฟันซ้ำอีกทีก็ได้นะ หรือถ้าหากว่า เอ่อ ร้อยวันพันปีไม่เคยไปวิ่งออกกำลังกาย ลองไปวิ่งดู จะวิ่งบนสายพาน จะวิ่งเหยาะรอบบ้าน หรือว่าทางในหมู่บ้านอะไรก็แล้วแต่ ทำในสิ่งที่แตกต่าง เพื่อให้อะไรที่มันเกาะกุมเราอยู่เนี่ย มันหลุด หลุดร่อนออกไป กระเทาะออกไป เพราะจำไว้เลยเป็นคีย์เวิร์ดนะ เมื่อไหร่ที่สมองเข้าโหมดทำงาน โดยไม่ฝืนใจ เราจะมีความแอคทีฟขึ้นมา อาจจะยังไม่เกิดแรงขับดันให้ขยัน แต่อย่างน้อยมันจะไม่ซึมเซาลงไปยิ่งไปกว่านั้น

เข้าใจคีย์นะ เข้าใจหลักการนะ ตรงนี้ถ้าจำง่ายๆ ของเรานะ แค่ยอมรับตามจริง เกิดอาการแย่ๆทางใจขึ้นมา แล้วก็หาอะไรทำทันที ในสิ่งที่แตกต่าง ไม่ใช่งานที่จำเจ อย่าทำงานจำเจเด็ดขาด ขอเวลาตัวเองแค่ห้านาที สิบนาที ไปแอคติเวท (activate) จุดที่เครื่องมันดับลงไปเนี่ย ไปแอคติเวทให้มันทำงานขึ้นมาใหม่ นะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น