วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เกิดอุบัติเหตุ รถเสียหลัก จิตรู้เป็นภาพสโลว์โมชัน

ถาม : วันนี้ผมมีคำถามหนึ่ง เป็นเรื่องของสติครับ ผมเคยเจอ มีเหตุการณ์หนึ่ง เกิดอุบัติเหตุเนี่ยครับ แล้วก็ระหว่างที่ผมขับรถไป ผมฟังธรรมะไป แล้วอยู่ ๆ ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น รถมันเสียหลัก

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/PGo2FuhLmJk
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๖ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
 

ดังตฤณ: 
จิตมันรู้อยู่ใช่ไหม มันจะเห็นเป็นสโลว์โมชั่น (slow-motion)

ผู้ถาม : ใช่ครับมันเห็นเป็นช็อต ๆ ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ขึ้นมา แล้วเห็นมันเหมือนกับในหนังสือการ์ตูน เห็นมันวิ่ง ๆ ทีละเรื่อง ๆ ซึ่งขณะนั้น เราก็ไม่รู้ว่าเราสามารถที่จะคอนโทรล (control) ทุกสิ่งทุกอย่างให้มันรอดพ้นมาได้อย่างไร

ดังตฤณ: 
อันนั้นเป็นอัตโนมัติของจิตนะ จิตที่สั่งสมสติมาดีแล้ว บางทีเราไม่ได้มีความรู้แบบชัดเจนอยู่ตลอดเวลา แต่จะมารู้ตอนที่เกิดเหตุสำคัญ มองอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นเครื่องกระทบจิต แล้วมันมากระตุ้นจิตให้เกิดสติอย่างใหญ่ขึ้นมา สติอย่างใหญ่ก็คือจิตที่มันรวมดวงเป็นจิตใหญ่นะ แล้วก็จิตใหญ่มันจะมีความไวที่จะรับรู้อะไรได้มากกว่าปกติ อย่างปกติเนี่ยคือมันเสียไปกับคลื่นความฟุ้งซ่าน คลื่นความคิดฟุ้งซ่านมันอยู่เป็นเหมือนกับสิ่งครอบงำเรามาตั้งแต่เกิด เราเลยรู้สึกช้า ๆ อยู่อย่างนี้ แต่พอมีอะไรกระทบจิตที่มันแรงพอ แล้วจิตนั้นสะสมสติมามากพอแล้ว มันจะตัดคลื่นความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลายออกไป เหลือแต่ความรู้ล้วน ๆ ความรู้ล้วน ๆ นั่นแหละ ด้วยจิตที่ใหญ่อย่างนั้นแหละ ทำให้เราเห็นอะไรเป็นช็อต ๆ ช็อต ๆ

จริง ๆ ที่มีความเคลื่อนไหวเป็นช็อต ๆ มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาแต่เราไม่เห็น เพราะว่าคลื่นความฟุ้งซ่านมาแบ่งช่วง เราจะมีความรู้สึกเหมือนกับจิตเนี่ยมีอารมณ์เป็นห้วง ๆ ห้วง ๆ รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง หรือว่าคิดบ้าง ไม่คิดบ้าง แต่พอมีอะไรมากระตุ้นให้สติตัดความคิดออกไป ตรงห้วง ๆ นั้นมันหายไปเลย กลายเป็นความโปร่งใส เห็นโลกที่กำลังเคลื่อนไหวเป็นช็อต ๆ ชัดเจน อย่างถ้าเกิดมีสติเนี่ยนะ การเคลื่อนไหวที่เรารู้สึกว่า เอ๊ะมันผ่านไปแค่เนี้ย จริง ๆ เนี่ยมันมีหลายช็อต มันค่อย ๆ เคลื่อนไปทีละเฟรม ทีละเฟรม ทีละเฟรมนะ เราจะรู้แม้กระทั่งว่าผุดอารมณ์ความคิดขึ้นมา อย่างสมมติเราเคลื่อนไหวไปเนี่ย เราเคลื่อนไปเร็ว ๆ แค่นี้ แต่เราจะเห็นเลยว่าคลื่นความคิดมันผุดขึ้นมากี่ระลอก แต่เดิมเราจะมีความรู้สึกว่าเคลื่อนไหวก็อย่างนึง คลื่นความคิดที่เกิดมาก็อย่างนึง เหมือนกับไม่สัมพันธ์กัน เหมือนกับไม่อยู่ด้วยกัน แต่ตอนมีสติล้วนๆ จะเห็นเลยว่าอยู่ด้วยกัน และเห็นเป็นเหมือนกับไทม์ไลน์ (timeline) เลย ว่าเคลื่อนไปแค่นี้ ความคิดผุดขึ้นมากี่ระลอก


พอยท์ (point) มันไม่ใช่อยู่ที่ว่าเราจะไปฝึกให้เกิดความสามารถรับรู้แบบนั้น เพราะว่าที่จะให้เกิดสติผูกกันอย่างต่อเนื่องละเอียดยิบแบบนั้นเนี่ยนะ ต้องเป็นจิตที่ถึงฌาน อยู่ในเมืองมันฝึกให้ถึงฌานยาก แต่ว่าถ้าเราเจริญสติไปเรื่อย ๆ เปรียบเทียบดูจิตแบบนึงแตกต่างจากจิตแบบนึงยังไง ถึงจุดนึงที่สติมีความคมกล้าจริง ๆ เนี่ย มันเห็นสองภาวะนี้แตกต่างไปเรื่อย ๆ มันจะรู้ขึ้นมายิบ ๆ เลยว่าแม้กระทั่งตอนที่เรารู้สึกถึงความว่าง มันมีว่างหลายแบบ มีว่างที่ประกอบด้วยความคิดยุบยิบนิดนึง กับความว่างที่ไม่มีอะไรเลย เหมือนกับใสโล่ง จริง ๆ แล้วตอนที่ใสโล่งจริง ๆ มโนภาพไม่เกิดเลยนะ ความรู้สึกว่าเราหน้าตาอย่างนี้ เราสูงแค่นี้ เราเป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิง อะไรต่างๆ มันหายเกลี้ยงเลย เหลือแต่เหมือนกับกล้องว่างๆ ที่ถ่ายทำโดยที่ไม่มีคนบังคับ ไม่มีคนบังคับให้มันแพลนไปไหน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น