ถาม : ชายรักชาย หญิงรักหญิง บาปไหม ?
(ดังตฤณวิสัชนา Live #๕ ทางเฟสบุ๊ก ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙)
ดังตฤณ:
การเป็นชายรักชาย หรือว่าหญิงรักหญิง มันไม่ได้ผิดศีลข้อไหน
การผิดศีลคือการที่เรานอกใจคู่ครองที่มีสิทธิ์ครอบครองตัวเรา คำว่าศีลตัดสินกันง่ายๆ ผิดหรือไม่ผิด ก็คือว่าเราละเมิดสิทธิ์ของคนอื่นหรือเปล่า อย่างเช่น อทินนาทานา ก็ดูเอาตรงที่ว่า เราถือเอาทรัพย์ของคนที่เขาเป็นเจ้าของ เขาไม่ได้ยกกรรมสิทธิ์ให้เรา แล้วเราไปถือเอามา อย่างนี้เรียกว่าขโมย ส่วนศีลข้อกาเมฯ ก็คือว่า สำหรับชาย ถ้าหากว่าไปฉุดคร่าข่มขืนอันนี้ชัดเจนมากที่สุดนะครับ หรือว่าไปล่อลวงลูกสาวของพ่อแม่ หรือว่าปู่ย่าตายายที่ทำการดูแลให้เงินเลี้ยงดูอยู่มาเป็นของตัว อย่างนี้เรียกว่าผิดศีล หรือถ้าหากว่าผู้หญิงมีคู่หมั้นแล้ว มีคู่หมั้นขึ้นไป หมั้นด้วยแหวน หรือสมัยก่อนหมั้นด้วยพวงมาลัยก็ตาม ประกาศว่าหมั้นแล้ว แล้วเราไปเอาเค้ามาเป็นของของเรา อย่างนี้ถือว่าผิดศีลนะครับ หรือว่าอย่างผู้หญิง ถ้าหากว่า รู้ว่าตัวเองมีคู่ครองแล้ว แล้วคู่ครองของเราก็หวงเราไม่ยอมยกเราให้ใครแล้วเราไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น อย่างนี้ถือว่าผิดศีล
แต่ว่าการที่เราสมมุติว่า ชายรักชายหรือหญิงรักหญิง มันเป็นเรื่องของความชอบใจ ซึ่งความชอบใจเนี่ยมันอาจจะเกิดจากการที่เราเคยเป็นคู่กับคนๆหนึ่งมา อย่างบางทีมันมีกรณีอยู่จริงๆที่ว่า เมื่อชาติที่แล้วเคยเป็นชายเป็นหญิงนะครับ รักกันมากอธิษฐานขอติดตามกันมาทุกภพทุกชาติ แล้วจำเพาะว่า ชาติถัดมามีเหตุมีกรรมบางอย่างที่ทำให้ฝ่ายชายกลายเป็นหญิง แต่พอมาเจอกันก็รักกันอยู่ดี มีความหลงรัก มีความพิศวาส มีความปฏิพัทธ์กันอยู่ อันนี้มีอยู่จริง
หรือบางทีอาจจะเกิดจากความชอบใจความรู้สึกสนิทสนม ที่มันเหมือนกับเกินเพื่อน เคยเป็นเพื่อนสนิทกันมากๆ แล้วมีความรู้สึกว่าไม่มีใครในโลกที่ทำให้รู้สึกอ่อนหวาน มีความรู้สึกสดชื่น มีความรู้สึกแสนดี มีความรู้สึกสนิทใจได้ขนาดนี้ มันก่อตัวเป็นความรักไปได้ มันลืมผู้ชายไปได้อะไรแบบนี้
เรื่องของความชอบใจทางเพศมันมีได้หลายกรณี แม้แต่เคยก่อกรรมมาด้วยกัน แล้วทำให้ต้องมาอับอายขายหน้าด้วยกัน โดยการเป็นหญิงรักหญิง หรือว่าชายรักชาย ในประเทศที่เค้ารังเกียจ ในกรณีนี้มันก็มี คือพูดง่ายๆว่าบาปเก่ามันบีบ ให้จะต้องไปพบรักกันกับเพศเดียวกัน ในประเทศที่เค้าไม่ยอมรับ อย่างบางประเทศ คือถึงขั้นที่ว่าออกกฎหมายเลยว่า ห้ามชายรักชาย ห้ามหญิงรักหญิงอะไรแบบนี้
สรุปแล้วคือว่า ความรู้สึกเบี่ยงเบนทางเพศยังไม่ได้ทำผิดศีลอะไร มันอาจจะเป็นการชดใช้กรรมเก่าก็ได้ การผิดศีล หรือการเป็นบาปเป็นกรรมที่แท้จริง มันเกิดขึ้นต่อเมื่อเรานอกใจคู่ครองของเราที่เรายกสิทธิ์ ยกตัวเองให้เค้า เป็นสิทธิ์ครอบครองของเค้าไปแล้ว ไปมีสัมพันธ์กับคนอื่น อย่างนี้ถึงจะถือว่าเป็นบาปเป็นกรรมหรือว่าผิดศีลข้อ กาเมฯ
สรุปง่ายๆคือว่า
การรักเพศเดียวกันไม่ได้บาป แต่ว่าไอ้ความรู้สึกอับอายขายหน้า
หรือว่าความรู้สึกว่าใช้ชีวิตแบบปกติในสังคมไม่ได้ มันยังมีสังคมอีกหลายสังคมที่ไม่ยอมรับอะไรแบบนี้
อันนั้นเป็นเรื่องของการที่เราต้องรับกรรม รับผลของกรรมที่เคยทำเรื่องน่าอับอายมา
อย่างบางคนเนี่ย ในชาติที่เรียกว่าเจ้าชู้ประตูดินนะครับ
เรียกว่าหลอกผู้หญิงไม่เลือกหน้าอะไรแบบนี้ โดยไม่เกิดความสำนึกเลย
ไม่เกิดความอับอายขายหน้าเลย ธรรมชาติเค้าก็ลงโทษโดยการที่ทำให้เกิดใหม่
อาจจะมีความรู้สึกเบี่ยงเบนหรือว่าสับสนเกี่ยวกับตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องทางเพศ
พอประพฤติผิดทางเพศแล้วไม่รู้สึกผิดทางเพศ
ในที่สุดมันจะมามีความผิดปกติทางเพศได้ในชาติต่อมา
อันนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในคัมภีร์นะครับ ในคัมภีร์บอกไว้ว่า การที่เราประพฤติผิดทางเพศมากๆ มันทำให้เกิดความผิดปกติทางเพศได้ แต่ถ้าในขณะที่เราผิดปกติทางเพศ เรายังรักษาศีล เรายังอยู่กับคู่ครองโดยความซื่อสัตย์ อันนี้ไม่ถือว่าเป็นการก่อบาปเพิ่ม
อันนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในคัมภีร์นะครับ ในคัมภีร์บอกไว้ว่า การที่เราประพฤติผิดทางเพศมากๆ มันทำให้เกิดความผิดปกติทางเพศได้ แต่ถ้าในขณะที่เราผิดปกติทางเพศ เรายังรักษาศีล เรายังอยู่กับคู่ครองโดยความซื่อสัตย์ อันนี้ไม่ถือว่าเป็นการก่อบาปเพิ่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น