วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วิธีสร้างกำลังใจที่ดีที่สุด เมื่อพบความสูญเสีย

ถาม : เกิดการสูญเสียในชีวิตหลายๆเรื่องติดๆกัน แล้วจิตใจมันขาดกำลังใจ ทำยังไงดีคะ
รับฟังทางยูทูบ  https://youtu.be/8UXwZgKRoME
(ดังตฤณวิสัชนา Live #  ทางเฟสบุ๊ก ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙)

ดังตฤณ : 
อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมว่าน่าจะมีประสบการณ์กันทุกคนนะครับ  ถ้าเจอเรื่องดีๆ ก็มักจะมีแต่อะไรดีๆ ไหลมาเทมา เรียงคิวกันเข้ามา ราวกับว่าเรากำลังอยู่ในช่วงได้รับรางวัลอะไรบางอย่างอยู่ แล้วมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกับคอยตกรางวัลเรานะ  แต่ถ้าช่วงไหนแย่ๆ มันก็เรียงคิวกันเข้ามา  อย่างถ้าสมมตินะว่า เรารู้ว่าสึกว่า เอ๊ะ ช่วงนี้เนี่ยมันจะต้องเครียด ก็น่าแปลกใจที่มีแต่ปัญหาเข้ามารุมเร้า เหมือนจะแกล้งให้เครียดหนักขึ้นหนักขึ้นนะ แต่ถ้าอย่างกรณีอย่างงี้ คือพอมีการสูญเสียขึ้นมาเนี่ยก็ราวกับว่าจะมีใครกลั่นแกล้งให้เรารู้สึกว่า ไม่เหลืออะไรเลย  ที่เคยรู้สึกว่ามีที่เคยรู้สึกว่าดีๆอยู่แล้ว มันกลายเป็นไม่มี มันกลายเป็นไม่มีอะไรดี มันกลายเป็นเครื่องกระตุ้นให้เราถามตัวเองว่าตกลงเนี่ย เรามีหรือไม่มีอะไรกันแน่? จะเป็นบุคคลอันเป็นที่รัก จะเป็นทรัพย์สินที่เราหามาได้ด้วยตัวเองหรือว่าจะเป็นทรัพย์สินที่ใครให้มา  

ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียชนิดไหน ในทางพุทธท่านให้มองว่านั่นเป็นนิมิตหมาย เป็นสัญญาณบอกที่ดีที่ประเสริฐ เพราะในชีวิตคนนะ สิ่งที่ดีที่สุดเลยคือการรู้ความจริง ไม่มีอะไรในชีวิตที่ดีไปกว่าการได้รู้ความจริง 

ความจริงคืออะไร? ความจริงคือตั้งแต่เรามีชีวิตมาเนี่ยนะ เราเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าเรามีนั่นมีนี่  แท้จริงแล้วเราไม่เคยมีอะไรจริงๆ เลย แม้กระทั่งลมหายใจของเราเองนะ แม้กระทั่งเลือดเนื้อของเราเอง วันหนึ่งมันก็จะต้องสาบสูญไป  ไม่ว่าเราจะกำลังรู้สึกหรือนึกคิดอยู่อย่างไร จะเชื่อว่า เรามีตัวตนอย่างนี้เหนียวแน่นแค่ไหน ในที่สุด ความรู้สึกแบบนี้ ความเชื่อแบบนี้ ความหมายจำแบบนี้มันจะหายไป มันจะเข้าไปอยู่ในโลงศพทั้งหมด

ทีนี้คนคนหนึ่งเนี่ย ทำยังไงล่ะ ถึงจะให้สำเหนียกรู้ หรือว่าเกิดความรู้สึกเกี่ยวกับความจริงนี้ขึ้นมาได้  ขั้นแรกๆ คงไม่ใช่ไปเกิดเหตุการณ์จวนอยู่จวนไป หรือว่าเกิดประสบการณ์เฉียดตายกันทีเดียว อันนั้นมันหนักไปหน่อย  ชีวิตก็มีวิธีส่งสัญญาณบอก สัญญาณเตือนมา ผ่านช่วงเวลา ช่วงเหตุการณ์แบบนี้แหละ  จำเพาะจะต้องให้เราได้เจอกับประสบการณ์สูญเสียในเวลาไล่เลี่ยกัน  หลายคนมองว่ามันเป็นคราวเคราะห์คราวซวย หรือว่าวิบากมืดที่ทำกรรมมาแต่ปางก่อนเนี่ยมาให้ผล ซึ่งนั่นก็อาจจะใช่นะ  แต่ทางพุทธไม่ให้เน้นที่ตรงนั้น เพราะคนทั่วไปเนี่ยไม่สามารถระลึกได้ว่าตัวเองไปทำอะไรมา หรือว่าตรงนี้เป็นโครงสร้างกรรมแบบไหนที่มันกำลังห่อหุ้มชีวิตเราอยู่ แล้วก็กดดันชีวิตของเราอยู่  

แต่พระพุทธเจ้าท่านให้มองแบบครอบจักรวาลทีเดียวเลย ซึ่งจะได้ผลเป็นประโยชน์สูงสุดก็คือ ท่านให้มองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่ในโลกนี้ ที่เรามีอยู่ในชีวิตนี้เนี่ย วันหนึ่งเราจะต้องทิ้งไปทั้งหมด ทุกสิ่งนะ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือบุคคลอันเป็นที่รักเนี่ย เราต้องทิ้งไว้ในโลกนี้ สิ่งที่เราจะเอาไปได้ก็มีแค่กรรมที่ทำไว้ จะเป็นดี จะเป็นร้าย จะเป็นกองบุญ จะเป็นกองบาป นั่นแหละสิ่งที่เราจะเอาติดตัวไปได้จริงๆ แล้วสิ่งที่เป็นกรรมซึ่งพระพุทธเจ้าสรรเสริญอย่างที่สุดก็คือ กรรมในการฝึกที่จะยอมรับให้ได้ว่า อะไรอะไรมันไม่เที่ยง มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง มันเป็นของชั่วคราว กรรมแบบนี้นะ มันทำให้เราหายกระวนกระวายได้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่

พอเรารู้สึกขึ้นมา ถูกเตือนแล้วว่า สิ่งที่เรานึกว่าเรามีเนี่ย ยังไงยังไงมันก็ต้องสูญเสียไป และเราไม่มีทางที่จะหวงแหนเอาไว้ได้ ไม่มีทางที่จะฝืนต้านทานหรือว่าเรียกร้องเอาคืนมา  ใจที่มันเกิดการยอมรับ มันจะไม่ใช่จ๋อยลง หรือว่ายอมแบบคนยอมจำนนแบบยอมแพ้นะ  แต่ใจเราเนี่ยมันจะเกิดความรู้สึกปล่อย ปล่อยให้มันเป็นไปตามสิ่งที่ความจริงเขาบอกเรานะครับ  ความจริงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่นะ แล้วความจริงบอกเราอยู่ทุกวันว่า อะไรอะไรมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ การที่เราพยายามยึดไว้หรือว่าเกิดความเสียใจว่า ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ เราจะต้องไปปัดเคราะห์ที่ไหน เราจะต้องไปทำพิธีอะไร จ่ายใคร มันเป็นวิถีทางของชาวโลกที่ยังติดข้องอยู่  

พอไปแก้กรรม หรือว่าไปทำพิธี หรือจะรอว่าเมื่อไหร่คราวเคราะห์ช่วงนี้มันถึงจะผ่านไป  สิ่งที่เราสูญเสียไปทั้งหมดเนี่ยมันจะไม่ให้ประโยชน์อะไรเลย เพราะว่าเราก็ยังวนเวียนอยู่กับความหลงผิดคิดอยู่ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกอะไรแบบนั้น  มันไม่ได้เห็นความจริงสักทีว่า  ความจริงเขาอุตส่าห์มาแสดงเนี่ย มันก็ไม่ได้เห็นนะครับว่าจริงๆ แล้วอะไรอะไรที่เรากำลังถืออยู่ วันหนึ่งมันก็ต้องหล่นหายไป

สรุปนะครับ ก็อยากให้มองตามที่พระพุทธเจ้าชี้ให้มองว่า  อะไรอะไรที่เรามีอยู่ วันหนึ่งมันจะต้องหายไป ถึงแม้ว่ามันยังไม่หายไป วันหนึ่งเราก็ต้องจากมันไป เราก็ต้องทิ้งมันไว้ในโลกนี้แหละ  สิ่งที่จะตามตัวเราไปได้ก็คือ กรรม  แล้วกรรมที่ดีที่สุดที่เราควรทำก็คือ กรรมอันเกิดจากการเข้าใจว่า  ทั้งหลายทั้งปวงเนี่ยมันไม่เที่ยง ไม่ว่าจะเป็นกายนี้ใจนี้หรือสิ่งที่เกี่ยวเนื่องด้วยกายนี้ใจนี้นะครับ


บางท่านก็ช่วยย้ำมานะครับว่า ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ ถูกนะครับ คือ ถ้าสูญเสียอะไรไปแล้ว เราไปยิ่งดิ้นรน จะไขว่คว้าเรียกกลับคืนมาเนี่ย แทนที่มันจะสบายใจมันกลายเป็นเจ็บขึ้นนะ เจ็บขึ้นกว่าที่เป็น  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น