วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดังตฤณวิสัชนา On Air ครั้งที่ ๑๘ / วันที่ ๒๙ ก.พ. ๕๕


ขออภัยสำหรับเสียงติดๆดับๆในรายการวิทยุเมื่อคืนนี้นะครับ ปัญหาเกิดจากระบบแลนของผมเอง ตอนนี้แก้ไขแล้ว และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาติดๆดับๆอีก ขอนำคำถามคำตอบของเมื่อคืนมาสรุปไว้สั้นๆครับ



๑) ผมเคยเจอข่าว พ่อไม่มีเงินจัดงานบวชให้ลูกชาย เลยฆ่าตัวตาย เพื่อให้ลูกเอาเงินประกันชีวิตมาจัดงานบวช อย่างนี้จัดเป็นการให้ทานขั้น ‘ปรมัตถ์’ คือการให้ชีวิตเป็นทานหรือเปล่าครับอาจารย์?

ถ้าใจเล็งที่การอนุเคราะห์ให้ลูกบวช โดยไม่มีปัจจัยกดดันอื่น ก็จัดเป็นการให้ชีวิตเป็นทาน แต่เป็นทานที่ผู้ทำน่าจะคาดหวังได้ว่าส่งผลให้ผู้รับไม่สบายใจ ใครจะบวชได้อย่างปลอดโปร่งทั้งรู้ว่าตนบวชได้ด้วยเลือดเนื้อของบิดา ดังนั้นทานจึงเป็นทานที่มีมลทินในแง่ของผล แต่เป็นของใหญ่มากในแง่ของการคิดทำ

เหตุการณ์จริงมีหลายด้าน แต่เป็นข่าวแค่ด้านเดียว เราก็ต้องเสพข่าวแบบฟังหูไว้หูด้วย



๒) ทำไมคำพูดคำเดียวกัน แต่คนพูดเป็นคนละคนกัน มันกลับให้ความรู้สึกกับคนฟังได้แตกต่างกันคะ?

คาแรกเตอร์ของเสียงเกิดจากใจ ถ้าใจคิดเบียดเบียนข่มเหง โดยมากคาแรกเตอร์ของเสียงก็ก่อให้เกิดโทสะ หรือความเป็นปฏิปักษ์กับคนฟัง ไม่อยากฟังแม้กำลังพูดชมตนอยู่ก็ตาม แต่ถ้าใจคิดเผื่อแผ่เกื้อกูลโดยมาก คาแรกเตอร์ของเสียงก็ก่อให้เกิดความสบายใจ อยากฟัง แม้จะเป็นคำดุด่าว่ากล่าวอยู่ก็ตาม



๓) การที่เราเข้าทางธรรมะ แต่ความไม่สวยจึงชอบปรุงแต่งรูปร่างหน้าตา เป็นคนรักสวยรักงามนี่ หรือการที่เราเป็นคนรูปร่าง ‘อวบอ้วน’ แต่มีความอยากลดน้ำหนัก อยากสวยหุ่นดี อย่างนี้ ผิดไหมคะ? เรียกว่าเรายังมี ‘กิเลส’ เยอะหรือไม่คะ? ถือว่าเป็นการ ‘ยึด หลงกายใจ’ ว่าเป็นตัวเรา ของเรา แล้วไม่สละออก หรือไม่คะ?

กายเป็นเหยื่อล่อ หลอกให้หลงคิดว่าเป็นเรา กายเป็นอย่างไร ก็คิดว่าเราเป็นอย่างนั้น ตราบเท่าที่เรายังหลงยึดว่ากายเป็นเรา ใครชมหรือใครติอย่างไร ใจก็ถูกปรุงไปตามนั้น พระพุทธเจ้าจึงให้เอาใจไปรู้ความไม่เที่ยง ความไม่ใช่เราในกาย นอกนั้นแล้วก็จะหลงยึด หลงปรุงแต่งไปเรื่อย ไม่มีทางเลิกหลงได้ แค่ไม่พิจารณาธรรม ก็หลงแน่ๆแล้ว



๔) ถ้าหากเรารู้ว่าผู้มีอำนาจมากกว่ามีพฤติกรรมทุจริตในเรื่องการทำงานแล้ว แต่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะขัดแย้งหรือบางครั้งยังมีความจำเป็นจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยความไม่เต็มใจ ถือว่าเป็นการทำบาปหรือไม่ค่ะ และพอมีวิธีแก้ไขในเรื่องความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นอย่างไรได้บ้างคะ?

จัดเป็นกตัตตากรรม หรือกรรมที่ทำโดยไม่ได้เจตนาให้เป็นเช่นนั้น จึงไม่มีความยินดีในการก่อกรรม เวลาให้ผลจะเบา แต่เพื่อประกันว่าเราจะไม่อยู่ในวงจรเดียวกันกับผู้ก่อกรรม ก็ต้องคิดไว้ว่าไปได้เมื่อไหร่จะไปทันที



๕) หนูเพิ่งเริ่มออกกำลังกายค่ะ ตั้งใจจะออกจันทร์ พุธ และศุกร์ เพิ่งทำได้อาทิตย์ที่แล้วตามแพลน วันนี้ก็ไปออกอีกแต่รู้สึกเหมือนตอนออกกำลังอยู่จิตอึดอัดไม่เป็นสมาธิ หลังจากออกเสร็จก็เหมือนเหนื่อย เครียดๆ และค่อนข้างเลื่อนลอยจับไม่ติดเลยค่ะ อาการแบบนี้เกิดจากอะไรคะ? หนูรู้สึกสงสัยว่าหนูไปตั้งความคิดอะไรไว้ผิดๆหรือเปล่าคะ? ขอคำแนะนำจากพี่ตุลย์ด้วยค่ะ ช่วงนี้เหมือนภาวนาไม่เป็นด้วยค่ะ

ให้สังเกตผัสสะกระทบที่ชัดที่สุด เช่น วิ่งอยู่รู้เท้ากระทบ ว่ายน้ำอยู่รู้มือกระทบ รวมแล้วพอเลิกเล่นกีฬาจะรู้สึกมีสติชัด ไม่ใช่คลุมเครือแบบไม่มีที่ตั้งของสติ



« กลับสู่สารบัญเรียงตามครั้งที่ออกอากาศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น