วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

วิบากของการส่งจดหมายลูกโซ่ (ดังตฤณ)

ถาม : ผลกรรมของการส่งจดหมายลูกโซ่ไปแหกตาประชาชนจะเป็นอย่างไรคะ?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๐

ดังตฤณ: 
ไม่ว่าจะเป็นการก่อกรรมใด เราไม่ดูรูปแบบเป็นหลัก แต่เล็งกันที่ความตั้งใจของผู้กระทำ และผลลัพธ์ที่เกิดกับใจของผู้อื่นเป็นสำคัญ การเอาความฉลาดมาคิดหาเรื่องหลอกลวงชาวบ้านจำนวนมากๆนั้น ก็เหมือนกับเด็กเลี้ยงแกะที่ใช้ความหวังดีของคนอื่นเป็นเครื่องมือ

นิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะได้แสดงให้เห็นผลของบาปที่เกิดจากการมุสา กล่าวคือครั้งแรกเด็กเลี้ยงแกะตะโกนโหวกเหวกขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน โดยกุเรื่องว่ามีหมาป่าจะมากินแกะ พอชาวบ้านแห่มาถึงก็หัวร่อร่าชอบอกชอบใจ ถูกเด็กหลอกให้รีบร้อนกันเก้อเปล่า ครั้นวันต่อมามีฝูงหมาป่ามาเยือนเข้าจริงๆ เด็กเลี้ยงแกะตะโกนจนคอหอยแทบแตกก็หาชาวบ้านมาช่วยไม่ได้ ต้องสูญเสียแกะทั้งหมดไปในที่สุด

ผลของการโกหกในนิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะตรงกับความจริงส่วนหนึ่ง คือทำให้ผู้โกหกไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการโกหกนั้นทำให้คนอื่นเสียหาย เสียงาน เสียเวลา เสียความรู้สึก หรือกระทั่งเจ็บใจรุนแรง ธรรมชาติที่ย้อนเข้าตัวทันทีคือกลิ่นเหม็นของบาป ซึ่งได้กลิ่นกันด้วยจิต ใครเห็นใครก็อยากเบือนหน้าหนี ไม่อยากรับฟัง ไม่อยากเชื่อถือใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าจะพูดคำจริงก็ตาม ตราบใดผลกรรมยังส่งกลิ่นเหม็นอยู่ ตราบนั้นคำพูดจะขาดน้ำหนัก หรือฟังแล้วน่าเมินมากกว่าน่าสน

อย่างไรก็ตาม ถ้าสมมุติว่านิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะเป็นความจริง ก็แปลว่ามีกรรมเก่าบีบคั้นให้เด็กต้องสูญเสียแกะทั้งหมดพอดี และต้องประจวบกับที่แกะทั้งหมดก็ถึงคราวฆาตในวันเดียวกันด้วย กรรมของการโกหกเอาสนุก ไม่มีกำลังมากพอจะบีบให้ต้องเสียแกะทั้งฝูงไปในวันเดียว

เมื่อยกกรณีเด็กเลี้ยงแกะในนิทานมาเป็นตัวตั้งแล้ว คราวนี้ก็มาถึงเด็กเลี้ยงแกะในโลกความจริงกัน ขอให้พิจารณาว่าเจตนาส่งจดหมายลูกโซ่เป็นไปได้หลายข้อ การแจกแจงเป็นข้อๆต่อไปนี้ ขอให้คำนึงว่ายืนพื้นอยู่บนเจตนาให้คนจำนวนมากเข้าใจผิด และมุ่งหมายให้ความเข้าใจผิดแพร่หลายลุกลามอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด ก็ย่อมได้รับผลยืดเยื้อหาที่สิ้นสุดยากเช่นกัน

๑) ปั้นน้ำเป็นตัว หรือไม่ก็คิดทำเรื่องจริงให้บิดเบือน ในที่ที่กรรมเผล็ดผล วิบากของความตั้งใจชนิดนี้จะทำให้เป็นผู้ต้องถูกใส่ไคล้ เหตุเพราะเป็นผู้ทำความจริงให้บิดเบี้ยว จึงต้องโดนดีด้วยการถูกทำภาพความจริงในตนให้บิดเบี้ยว ซึ่งโดยรูปแบบสามัญก็คือการถูกใส่ไคล้นั่นเอง โดยมากผลกรรมมักมาในรูปที่ว่าอยู่ดีๆก็มีคนสร้างข่าวลือในทางเสียหายให้กับเรา แล้วเราก็ถูกเข้าใจผิดแบบแพร่กระจายเป็นไฟลามทุ่งไปจนชั่วลูกชั่วหลาน ถึงตายแล้วก็อาจจะยังมีคนด่าทอ ใส่สีตีไข่กันไม่เลิกรา

๒) คิดขู่ให้กลัว หรือใช้อุบายแยบยลให้คนอื่นหลงกล ในที่ที่กรรมเผล็ดผล วิบากของความตั้งใจชนิดนี้จะบีบให้เป็นผู้มีความสะดุ้งไหวง่าย กล่าวคือเป็นคนหูเบา ตื่นข่าวลือง่าย ถูกหลอกง่าย เชื่อคำลวงง่าย แม้มีสติปัญญาดีในเรื่องเรียนและเรื่องงาน ก็จะไม่เป็นผู้ฉลาดเรื่องคน ตามเกมไม่ค่อยทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชะตาสร้างกับดักให้ต้องไปเผชิญหมู่มิจฉาชีพ ก็จะเป็นช่วงที่ใจอ่อน รับฟังอะไรแล้วเชื่อทันที แม้ตั้งใจว่าจะไตร่ตรองให้ดี ก็เหมือนสมองไม่ทำงานไปชั่วขณะ ตัดสินใจปุบปับไม่ปรึกษาใครเสียก่อน ลุกลี้ลุกลนเหมือนช่วยให้คนอื่นเอาเปรียบตัวเองได้ง่ายขึ้น

๓) หวังอาศัยความหวังดีของคนอื่นเป็นเครื่องมือแพร่กระจาย เช่น ขึ้นต้นจดหมายด้วยคำว่า ‘รีบบอกคนที่คุณรักให้รับรู้ทั่วกันโดยด่วน…’ ในที่ที่กรรมเผล็ดผล วิบากของความตั้งใจชนิดนี้คือถูกหลอกให้ทำดี โดยมีผลตอบแทนเป็นความเจ็บปวด หรือเป็นผู้ทำดีไม่ขึ้น หวังดีแต่คนกลับเข้าใจผิดคิดว่าหวังร้าย ลองนึกดูว่าถ้าคุณอยากหลอกให้ใครหลงเชื่อผิดๆ หากทำสำเร็จคุณย่อมคิดว่าเขาโง่ ถ้าฉลาดคงไม่เชื่อ และถ้ารู้ว่าใครเป็นเหยื่อคงอยากหัวเราะเยาะ สมน้ำหน้าที่เกิดมาโง่กว่า ในที่ที่กรรมเผล็ดผล วิบากของการดูถูกว่าใครต่อใครโง่เง่าเต่าตุ่นจะบีบให้สมองทึบ และมักกลายเป็นตัวตลกเด๋อด๋าให้ใครต่อใครหัวเราะเยาะเอา ความภูมิใจแบบผิดๆที่คิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุความโกลาหลได้นั้น มักย้อนกลับมาเป็นการสูญเสียความภูมิใจในตนเองอย่างหนักเสมอ

นอกจากปัจจัยทางฝั่งของผู้ส่งจดหมายลูกโซ่แล้ว ยังต้องพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นในวงกว้างด้วย จดหมายลูกโซ่ส่วนใหญ่ต้องสร้างความเชื่อที่แข็งแรง จึงมักมาในรูปของการกุเรื่องให้แรงพอจะฝังใจและอยากร่ำลือต่อๆกันไป หากเป็นเหตุให้สูญทรัพย์ หรือเสียเวลามากๆ เช่น ระบุที่ท้ายจดหมายว่าต้องเขียนจดหมายด้วยลายมือ และส่งต่อไปยังคนรู้จักไม่ต่ำกว่า ๗ ฉบับ ไม่เช่นนั้นจะต้องตายภายใน ๗ วัน ผู้ส่งย่อมคาดหมายได้ว่าจะเกิดการซื้อซอง ซื้อกระดาษ ซื้อแสตมป์ กับทั้งเสียเวลานั่งเขียนจดหมายเป็นชั่วโมงๆ

ใจที่รู้สึกว่าจะมีผู้เสียทรัพย์และเสียเวลาอย่างมากมายนั้น ย่อมย้อนกลับมาเป็นเหตุให้ผู้ส่งจดหมายเสียทรัพย์และเสียเวลาโดยใช่เหตุอย่างยืดเยื้อ หาที่สุดไม่เจอ แต่อาจเป็นการสูญเสียแบบตอดนิดตอดหน่อยน่ารำคาญมากกว่าจะเดือดร้อนสาหัส เพราะตอนส่งจดหมายลูกโซ่ก็คาดเดาได้ว่าผู้เสียหายจะเสียหายไม่มาก

อย่างไรก็ตาม การสร้างคำขู่ให้เกิดความกลัวตายในวงกว้างนั้น จัดเป็นคำสาปแช่งชนิดหนึ่ง ถ้าเขียนได้เนียน เขียนได้สมจริง ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าถ้าไม่ทำตามอาจตายอย่างลึกลับได้จริงๆ เช่นนี้ก็เหมือนคุณไปชกให้เขามึน เมื่อกรรมเผล็ดผล วิบากย่อมย้อนเข้าหาตัวต้นคิดส่งจดหมายเหมือนโดนชกคืน อาจจะในรูปของแรงบีบคั้นให้เผชิญเรื่องถึงชีวิต ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยเงื่อนไขน่าเหน็ดเหนื่อยมากมาย หรือตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้หวาดกลัวไปนานๆ เป็นต้น

หากคุณได้รับจดหมายลูกโซ่หลายครั้ง ก็จะเห็นข้อแตกต่างได้อย่างชัดเจน คือเล่ห์ที่ใช้ต้มตุ๋นนั้นมีความสมจริงสมจังผิดกัน ยิ่งคิดเขียนลวงให้เชื่อได้ฉลาดแนบเนียนเพียงใด ผลก็ยิ่งสะท้อนกลับมาแรงเพียงนั้น

นี่เป็นสัดส่วนที่น่าสลดใจ ถ้าใช้ความฉลาดประมาณเดียวกันไปบำเพ็ญประโยชน์ ชักชวนชาวโลกให้คิดดีทำดีด้วยอุบายแยบคาย เขาย่อมได้บุญมากหลาย แต่เมื่อรักจะเอาความฉลาดมาใช้ในทางผิด ทั้งความคิดและเวลาที่สูญเสียไปย่อมแปรเป็นพลังร้าย ที่จะย้อนกลับมากระแทกคืนได้เร็ว แรง และหนักหน่วงยิ่ง เนื่องจากคาดหมายได้ว่าจะมีผู้เสียหายเกิดขึ้นมากมาย

พวกหลอกแบบไม่แนบเนียนเสียอีก น้ำหนักกรรมเบากว่า วิบากย่อมเบากว่า ประเภทหลอกแบบโง่ๆหาคนเชื่อยาก เหมือนเรื่องโจ๊กที่เอาไว้ขำมากกว่าจะเชื่อและทำตาม อย่างนี้ผลจะกลับมาช้า มีกำลังอ่อนกว่ากัน เพราะผู้เสียหายมีจำนวนน้อยหรือไม่มีเลย


สรุปโดยรวมแล้ว การเขียนจดหมายลูกโซ่กุเรื่องหลอกนั้น จัดเป็นวจีทุจริตชนิดหนึ่ง และผลของวจีทุจริตก็ร้ายแรงเกินกว่าที่พวกคึกคะนองจะคาดได้ สร้างจดหมายลูกโซ่ฮอตฮิตติดตลาดครั้งเดียว อาจมีน้ำหนักมากกว่าที่คนทั่วไปโกหกกันทั้งชีวิตเสียอีก เนื่องจากการคิดก่อเรื่องร้ายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ย่อมย้อนกลับมาก่อเรื่องร้ายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ หาที่จบยากแก่เจ้าของกรรมเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น