ถาม : ผลกรรมของการส่งจดหมายลูกโซ่ไปแหกตาประชาชนจะเป็นอย่างไรคะ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๐
ดังตฤณ:
ไม่ว่าจะเป็นการก่อกรรมใด เราไม่ดูรูปแบบเป็นหลัก แต่เล็งกันที่ความตั้งใจของผู้กระทำ และผลลัพธ์ที่เกิดกับใจของผู้อื่นเป็นสำคัญ การเอาความฉลาดมาคิดหาเรื่องหลอกลวงชาวบ้านจำนวนมากๆนั้น ก็เหมือนกับเด็กเลี้ยงแกะที่ใช้ความหวังดีของคนอื่นเป็นเครื่องมือ
นิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะได้แสดงให้เห็นผลของบาปที่เกิดจากการมุสา
กล่าวคือครั้งแรกเด็กเลี้ยงแกะตะโกนโหวกเหวกขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน
โดยกุเรื่องว่ามีหมาป่าจะมากินแกะ พอชาวบ้านแห่มาถึงก็หัวร่อร่าชอบอกชอบใจ
ถูกเด็กหลอกให้รีบร้อนกันเก้อเปล่า ครั้นวันต่อมามีฝูงหมาป่ามาเยือนเข้าจริงๆ
เด็กเลี้ยงแกะตะโกนจนคอหอยแทบแตกก็หาชาวบ้านมาช่วยไม่ได้
ต้องสูญเสียแกะทั้งหมดไปในที่สุด
ผลของการโกหกในนิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะตรงกับความจริงส่วนหนึ่ง
คือทำให้ผู้โกหกไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการโกหกนั้นทำให้คนอื่นเสียหาย
เสียงาน เสียเวลา เสียความรู้สึก หรือกระทั่งเจ็บใจรุนแรง
ธรรมชาติที่ย้อนเข้าตัวทันทีคือกลิ่นเหม็นของบาป ซึ่งได้กลิ่นกันด้วยจิต
ใครเห็นใครก็อยากเบือนหน้าหนี ไม่อยากรับฟัง ไม่อยากเชื่อถือใดๆทั้งสิ้น
แม้ว่าจะพูดคำจริงก็ตาม ตราบใดผลกรรมยังส่งกลิ่นเหม็นอยู่ ตราบนั้นคำพูดจะขาดน้ำหนัก
หรือฟังแล้วน่าเมินมากกว่าน่าสน
อย่างไรก็ตาม
ถ้าสมมุติว่านิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะเป็นความจริง
ก็แปลว่ามีกรรมเก่าบีบคั้นให้เด็กต้องสูญเสียแกะทั้งหมดพอดี
และต้องประจวบกับที่แกะทั้งหมดก็ถึงคราวฆาตในวันเดียวกันด้วย กรรมของการโกหกเอาสนุก
ไม่มีกำลังมากพอจะบีบให้ต้องเสียแกะทั้งฝูงไปในวันเดียว
เมื่อยกกรณีเด็กเลี้ยงแกะในนิทานมาเป็นตัวตั้งแล้ว
คราวนี้ก็มาถึงเด็กเลี้ยงแกะในโลกความจริงกัน
ขอให้พิจารณาว่าเจตนาส่งจดหมายลูกโซ่เป็นไปได้หลายข้อ การแจกแจงเป็นข้อๆต่อไปนี้
ขอให้คำนึงว่ายืนพื้นอยู่บนเจตนาให้คนจำนวนมากเข้าใจผิด
และมุ่งหมายให้ความเข้าใจผิดแพร่หลายลุกลามอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด
ก็ย่อมได้รับผลยืดเยื้อหาที่สิ้นสุดยากเช่นกัน
๑) ปั้นน้ำเป็นตัว
หรือไม่ก็คิดทำเรื่องจริงให้บิดเบือน ในที่ที่กรรมเผล็ดผล
วิบากของความตั้งใจชนิดนี้จะทำให้เป็นผู้ต้องถูกใส่ไคล้
เหตุเพราะเป็นผู้ทำความจริงให้บิดเบี้ยว
จึงต้องโดนดีด้วยการถูกทำภาพความจริงในตนให้บิดเบี้ยว
ซึ่งโดยรูปแบบสามัญก็คือการถูกใส่ไคล้นั่นเอง
โดยมากผลกรรมมักมาในรูปที่ว่าอยู่ดีๆก็มีคนสร้างข่าวลือในทางเสียหายให้กับเรา
แล้วเราก็ถูกเข้าใจผิดแบบแพร่กระจายเป็นไฟลามทุ่งไปจนชั่วลูกชั่วหลาน
ถึงตายแล้วก็อาจจะยังมีคนด่าทอ ใส่สีตีไข่กันไม่เลิกรา
๒) คิดขู่ให้กลัว
หรือใช้อุบายแยบยลให้คนอื่นหลงกล ในที่ที่กรรมเผล็ดผล
วิบากของความตั้งใจชนิดนี้จะบีบให้เป็นผู้มีความสะดุ้งไหวง่าย กล่าวคือเป็นคนหูเบา
ตื่นข่าวลือง่าย ถูกหลอกง่าย เชื่อคำลวงง่าย
แม้มีสติปัญญาดีในเรื่องเรียนและเรื่องงาน ก็จะไม่เป็นผู้ฉลาดเรื่องคน
ตามเกมไม่ค่อยทัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชะตาสร้างกับดักให้ต้องไปเผชิญหมู่มิจฉาชีพ
ก็จะเป็นช่วงที่ใจอ่อน รับฟังอะไรแล้วเชื่อทันที แม้ตั้งใจว่าจะไตร่ตรองให้ดี ก็เหมือนสมองไม่ทำงานไปชั่วขณะ
ตัดสินใจปุบปับไม่ปรึกษาใครเสียก่อน
ลุกลี้ลุกลนเหมือนช่วยให้คนอื่นเอาเปรียบตัวเองได้ง่ายขึ้น
๓)
หวังอาศัยความหวังดีของคนอื่นเป็นเครื่องมือแพร่กระจาย เช่น
ขึ้นต้นจดหมายด้วยคำว่า ‘รีบบอกคนที่คุณรักให้รับรู้ทั่วกันโดยด่วน…’ ในที่ที่กรรมเผล็ดผล
วิบากของความตั้งใจชนิดนี้คือถูกหลอกให้ทำดี โดยมีผลตอบแทนเป็นความเจ็บปวด
หรือเป็นผู้ทำดีไม่ขึ้น หวังดีแต่คนกลับเข้าใจผิดคิดว่าหวังร้าย
ลองนึกดูว่าถ้าคุณอยากหลอกให้ใครหลงเชื่อผิดๆ หากทำสำเร็จคุณย่อมคิดว่าเขาโง่
ถ้าฉลาดคงไม่เชื่อ และถ้ารู้ว่าใครเป็นเหยื่อคงอยากหัวเราะเยาะ
สมน้ำหน้าที่เกิดมาโง่กว่า ในที่ที่กรรมเผล็ดผล
วิบากของการดูถูกว่าใครต่อใครโง่เง่าเต่าตุ่นจะบีบให้สมองทึบ
และมักกลายเป็นตัวตลกเด๋อด๋าให้ใครต่อใครหัวเราะเยาะเอา
ความภูมิใจแบบผิดๆที่คิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุความโกลาหลได้นั้น มักย้อนกลับมาเป็นการสูญเสียความภูมิใจในตนเองอย่างหนักเสมอ
นอกจากปัจจัยทางฝั่งของผู้ส่งจดหมายลูกโซ่แล้ว
ยังต้องพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นในวงกว้างด้วย
จดหมายลูกโซ่ส่วนใหญ่ต้องสร้างความเชื่อที่แข็งแรง
จึงมักมาในรูปของการกุเรื่องให้แรงพอจะฝังใจและอยากร่ำลือต่อๆกันไป หากเป็นเหตุให้สูญทรัพย์
หรือเสียเวลามากๆ เช่น ระบุที่ท้ายจดหมายว่าต้องเขียนจดหมายด้วยลายมือ
และส่งต่อไปยังคนรู้จักไม่ต่ำกว่า ๗ ฉบับ ไม่เช่นนั้นจะต้องตายภายใน ๗ วัน
ผู้ส่งย่อมคาดหมายได้ว่าจะเกิดการซื้อซอง ซื้อกระดาษ ซื้อแสตมป์
กับทั้งเสียเวลานั่งเขียนจดหมายเป็นชั่วโมงๆ
ใจที่รู้สึกว่าจะมีผู้เสียทรัพย์และเสียเวลาอย่างมากมายนั้น
ย่อมย้อนกลับมาเป็นเหตุให้ผู้ส่งจดหมายเสียทรัพย์และเสียเวลาโดยใช่เหตุอย่างยืดเยื้อ
หาที่สุดไม่เจอ
แต่อาจเป็นการสูญเสียแบบตอดนิดตอดหน่อยน่ารำคาญมากกว่าจะเดือดร้อนสาหัส
เพราะตอนส่งจดหมายลูกโซ่ก็คาดเดาได้ว่าผู้เสียหายจะเสียหายไม่มาก
อย่างไรก็ตาม
การสร้างคำขู่ให้เกิดความกลัวตายในวงกว้างนั้น จัดเป็นคำสาปแช่งชนิดหนึ่ง
ถ้าเขียนได้เนียน เขียนได้สมจริง
ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าถ้าไม่ทำตามอาจตายอย่างลึกลับได้จริงๆ
เช่นนี้ก็เหมือนคุณไปชกให้เขามึน เมื่อกรรมเผล็ดผล
วิบากย่อมย้อนเข้าหาตัวต้นคิดส่งจดหมายเหมือนโดนชกคืน
อาจจะในรูปของแรงบีบคั้นให้เผชิญเรื่องถึงชีวิต
ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยเงื่อนไขน่าเหน็ดเหนื่อยมากมาย
หรือตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้หวาดกลัวไปนานๆ เป็นต้น
หากคุณได้รับจดหมายลูกโซ่หลายครั้ง
ก็จะเห็นข้อแตกต่างได้อย่างชัดเจน
คือเล่ห์ที่ใช้ต้มตุ๋นนั้นมีความสมจริงสมจังผิดกัน ยิ่งคิดเขียนลวงให้เชื่อได้ฉลาดแนบเนียนเพียงใด
ผลก็ยิ่งสะท้อนกลับมาแรงเพียงนั้น
นี่เป็นสัดส่วนที่น่าสลดใจ
ถ้าใช้ความฉลาดประมาณเดียวกันไปบำเพ็ญประโยชน์ ชักชวนชาวโลกให้คิดดีทำดีด้วยอุบายแยบคาย
เขาย่อมได้บุญมากหลาย แต่เมื่อรักจะเอาความฉลาดมาใช้ในทางผิด
ทั้งความคิดและเวลาที่สูญเสียไปย่อมแปรเป็นพลังร้าย
ที่จะย้อนกลับมากระแทกคืนได้เร็ว แรง และหนักหน่วงยิ่ง
เนื่องจากคาดหมายได้ว่าจะมีผู้เสียหายเกิดขึ้นมากมาย
พวกหลอกแบบไม่แนบเนียนเสียอีก
น้ำหนักกรรมเบากว่า วิบากย่อมเบากว่า ประเภทหลอกแบบโง่ๆหาคนเชื่อยาก
เหมือนเรื่องโจ๊กที่เอาไว้ขำมากกว่าจะเชื่อและทำตาม อย่างนี้ผลจะกลับมาช้า
มีกำลังอ่อนกว่ากัน เพราะผู้เสียหายมีจำนวนน้อยหรือไม่มีเลย
สรุปโดยรวมแล้ว
การเขียนจดหมายลูกโซ่กุเรื่องหลอกนั้น จัดเป็นวจีทุจริตชนิดหนึ่ง
และผลของวจีทุจริตก็ร้ายแรงเกินกว่าที่พวกคึกคะนองจะคาดได้
สร้างจดหมายลูกโซ่ฮอตฮิตติดตลาดครั้งเดียว
อาจมีน้ำหนักมากกว่าที่คนทั่วไปโกหกกันทั้งชีวิตเสียอีก เนื่องจากการคิดก่อเรื่องร้ายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่
ย่อมย้อนกลับมาก่อเรื่องร้ายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่
หาที่จบยากแก่เจ้าของกรรมเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น