วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

กรรมที่ทำให้เป็นแฝด (ดังตฤณ)

ถาม : กรรมอะไรทำให้เกิดมาเป็นคู่แฝดกันครับ?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๐

ดังตฤณ: 
หากตั้งใจเป็นพ่อแม่คน ร้อยทั้งร้อยคงคาดหวังว่าจะได้ลูกชายหรือไม่ก็ลูกสาวเพียงคนเดียว แต่ข้อเท็จจริงก็คือคุณอาจเป็นหนึ่งในร้อยที่ได้ลูกสองคน หรือคุณอาจเป็นหนึ่งในหมื่นที่ได้ลูกสามคน หรือคุณอาจเป็นหนึ่งในล้านที่ได้ลูกสี่คน และคุณอาจแจ็กพอตสุดขีดเป็นหนึ่งในร้อยล้านที่ได้ลูกทีเดียวห้าคนในคราวเดียว!

มากกว่าห้านั้นมีนะครับ แต่โอกาสรอดชีวิตของเด็กจะต่ำลงเรื่อยๆ ลืมตาดูโลกได้ไม่กี่วันก็ตาย หาใช่สถิติหนึ่งในพันล้านที่น่าจดจำอะไร โดยเฉพาะถ้าเกินแปดนี่มักตายหมด แล้วยิ่งจำนวนทารกในครรภ์มากขึ้นเท่าไร อันตรายต่อแม่ก็ยิ่งทวีขึ้นเท่านั้นเสียด้วย

ที่กล่าวถึงประมาณแห่งโอกาสที่จะมีลูกแฝดข้างต้นนี้ ว่ากันตามธรรมชาติโดยไม่ใส่ปัจจัยแทรกแซงอะไรเข้าไปเป็นพิเศษ ทางแพทย์เชื่อกันว่าครรภ์แฝดมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์เป็นหลัก พูดง่ายๆคือแฝดเป็นเรื่องของโอกาสที่จะมีตามๆเครือญาติ ไม่ควรคาดหวังว่าจะได้ลูกแฝด หากไม่มีประวัติว่าเครือญาติเคยได้ลูกแฝดมาก่อนหน้าคุณ

ทว่าหลายคนอยากมีลูกแฝดมาก เพราะคลอดทีเดียวจะได้ปิดอู่ไปเลย ขืนรอปาฏิหาริย์ทางกรรมพันธุ์อาจต้องถึงชาติหน้าอีกหลายๆชาติ ดังนั้นเราจึงเห็นทฤษฎีหรือความเชื่อสืบๆกันมาเกี่ยวกับ ‘วิธีทำลูกแฝด’ มากมาย คุณแม่ลูกแฝดบางคนแนะนำให้เดินเท้าขึ้นที่สูงเพื่อเอาบรรยากาศโรแมนติก ไข่จะได้มาเยอะๆ ก็ว่ากันไป


มาดูที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น แพทย์ชาวยิวคนหนึ่งชื่อแกรี่ สไตน์แมน (Gary Steinman) ทำงานวิจัยคุณแม่ ๓ กลุ่ม กลุ่มแรกไม่กินอาหารใดๆเกี่ยวกับสัตว์ กลุ่มที่สองไม่กินเนื้อสัตว์แต่ดื่มนม กลุ่มที่สามทั้งกินเนื้อสัตว์ทั้งดื่มนม หมอแกรี่สรุปไว้ในวารสาร Journal of Reproductive Medicine เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๙ ระบุว่าคุณแม่จะมีโอกาสได้ลูกแฝด หากดื่มนมมากกว่าคนปกติทั้งหลาย ข้อสรุปของงานวิจัยชิ้นนี้นะครับ เขาสันนิษฐานว่าเพราะโปรตีนในตับของสัตว์จะไปช่วยให้รังไข่มีปฏิกิริยาไวขึ้น และเพิ่มจำนวนไข่มากขึ้น โอกาสเกิดตั้งครรภ์แฝดจึงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

อีกการวิจัยหนึ่งของ American College of Obstetrics and Gynecology กล่าวสรุปว่าคุณแม่ที่เป็นโรคอ้วน คือดัชนีมวลกายเกิน ๓๐ (เอาน้ำหนักหารด้วยส่วนสูงที่เป็นเมตรกำลังสอง ถ้าเกิน ๓๐ ถือว่า ‘อ้วนเกินพิกัด’) จะมีโอกาสได้ลูกแฝดเกินสอง เห็นจะเป็นเพราะอ้วนมากจึงมีที่เก็บมาก และท้องคนไม่ใช่ยุ้งฉางเก็บข้าวอย่างเดียว ยังเอาไว้เก็บคนได้ด้วย ไหนๆก็ไหนๆ ธรรมชาติเลยขอใช้ประโยชน์ให้เต็มที่เสียหน่อย

นอกจากนั้น จากสถิติพบว่าคุณแม่ยิ่งอายุมากขึ้น และ/หรือ ยิ่งตั้งครรภ์มากครั้งขึ้นเท่าไร โอกาสติดลูกแฝดก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว อันนี้เป็นสถิติที่เตือนให้ระวัง เพราะร่างกายถูกใช้ไปมากแล้ว เสื่อมสภาพลงมากแล้ว ถ้าต้องตั้งครรภ์แฝดอีกก็ย่ำแย่กว่าครั้งยังสดสาวแน่นอน

ปัจจัยแทรกแซงอื่นได้แก่การกินยาคุมเกิน ๓ ปีขึ้นไป สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้ก็คือยาคุมจะมีฤทธิ์กดต่อมใต้สมองไม่ให้ไข่ตก ซึ่งเมื่อวันหนึ่งเกิดอยากหยุดใช้ยาคุมขึ้นมาเฉยๆ ไข่ก็จะทะลักตกลงมาทีละหลายๆใบ กลายเป็นโอกาสเกิดลูกแฝดได้

อีกทางหนึ่งซึ่งตรงไปตรงมาทว่ามีผลข้างเคียงน่ากลัว คือการใช้ยากระตุ้นการตกไข่โดยตรง มีมาแล้วครับในอิตาลี ที่รายงานว่าหญิงใช้ยากระตุ้นดังกล่าว เกิดตัวอ่อนในครรภ์ถึง ๑๕ หน่วย ทว่าจำนวนขนาดนั้นแพทย์ต้องนำตัวอ่อนออกมาจากมดลูกตั้งแต่เดือนที่ ๔ ไม่ปล่อยให้โตขึ้นกว่านั้น (สถิติเกิดตัวอ่อนในครรภ์สูงสุดตามธรรมชาติ จะอยู่ที่ ๑๒ หน่วย โดยคุณแม่ ๓ ราย เด็กไม่รอดชีวิตทั้งหมด)

ข้อเท็จจริงก็คือไม่ว่าคุณเชื่อตามใคร ทดลองท่าไหน ก็ไม่อาจประกันว่าคุณจะได้ลูกแฝดตามแนวทางนั้นๆ เหตุผลคือพ่อแม่เป็นแค่ปัจจัยฝ่ายรองรับ แต่ต้นเค้าแท้จริงที่ทำให้เกิดเด็กในท้องเดียวพร้อมกันหลายคน คือกรรมของบรรดาเด็กเอง หากกรรมของเด็กจะต้องเป็นคู่แฝด อย่างไรก็ต้องเข้าของผู้หญิงสักคนที่มีภาวะเหมาะเจาะจนได้ แม้ดูเหมือนหญิงคนนั้นจะขาดปัจจัยของความเป็นคุณแม่ลูกแฝดก็ตามที

ตามธรรมชาติแล้วทั้งรูปและนามจะทำงานร่วมกันขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ กล่าวคือ เมื่อหญิงชายมีสัมพันธ์กันครั้งใด ต่อให้ครั้งนั้นอยู่ในช่วงที่หญิงมีไข่ตก และชายมีอสุจิที่แข็งแรง แต่หากไม่มีวิญญาณหยั่งลงมาเป็นตัวเชื่อมให้ไข่ตกและอสุจิผสมกัน ก็จะไม่มีทางเกิดปฏิสนธิได้เลย

ปัจจัยที่ทำให้วิญญาณหยั่งลงในครรภ์มารดาได้ก็คือบุญที่สว่างและแข็งแรงพอ กับทั้งได้จังหวะเกิดตามฤกษ์ที่สมกันกับกรรมเก่า ส่วนปัจจัยที่ทำให้ครรภ์มารดามีความพร้อมรองรับวิญญาณ อาจเป็นบุญหรืออาจเป็นบาปก็ได้

กรรมที่ทำให้มาเกิดเป็นเด็กแฝด และกรรมที่ทำให้ได้ลูกแฝด เป็นสิ่งที่ต้องนำมาพบกัน ซึ่งไม่มีคำตอบแบบเดี่ยวๆตายตัว ต้องแยกเป็นกรณีดังนี้ครับ

๑) ความเหมือนและความต่าง

ความเป็นคู่แฝดในความรู้สึกของคนทั่วไป ชวนให้นึกถึง 'แฝดเหมือน' มากกว่าอย่างอื่น แฝดเหมือนคือเด็กที่เกิดมาพร้อมกันสองคน รูปร่างหน้าตาเหมือนกัน เพศเดียวกัน ราวกับถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะทั้งคู่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ผสมกับอสุจิตัวเดียวในท่อรังไข่ แต่ที่พิสดารกว่าปกติคือเกิดการแบ่งตัวออกเป็น ๒ ด้วยเหตุผลที่ทางการแพทย์ถือว่าลึกลับ ไม่มีแพทย์คนไหนอธิบายได้ว่า 'ทำไม' อยู่ดีๆไข่ถึงมีการแยกตัวออกมา แถมสถิติยังบอกชัดด้วยว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้คือ ๑ ใน ๒๕๐ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติไหน

ทางแพทย์บอกเราว่า เด็ก 'แฝดเหมือน' ที่เกิดมาจะมีสารพันธุกรรมเหมือนกัน ทั้งนี้เพราะถือกำเนิดมาจากเซลล์เดียวกัน จะแตกต่างกันก็ที่รายละเอียดเช่นลายนิ้วมือ อุปนิสัย และชะตากรรม ความรู้ตรงนี้บอกเราได้อย่างชัดเจนว่าในเชิงกรรมวิบากแล้ว 'แฝดเหมือน' ต้องเคยทำอาจิณณกรรมที่เหมือนกันมาก และต้องทำร่วมกันมาด้วย ไม่ใช่แยกกันทำ จึงถือฤกษ์เกิดเดียวกัน และกับพ่อแม่เดียวกันได้

อาจิณณกรรมคือกรรมที่ทำเป็นประจำจนติดนิสัย และบ่งบอกความเป็นคนคนหนึ่ง เช่น ถ้าถูกยุงกัดจะตบหรือไม่ตบ ถ้ามีช่องทางให้ขโมยจะเอาหรือไม่เอา ถ้ามีโอกาสได้เสียกับลูกเมียใครจะฉวยหรือไม่ฉวย ถ้าถูกบีบให้โกหกจะปดหรือไม่ปด ถ้ามีงานเลี้ยงจะกินหรือไม่กินเหล้า ฯลฯ

จุดเริ่มต้นของกรรมที่ทำให้เป็น 'แฝดเหมือน' คือการมีใจยินดีในอาจิณณกรรมหนึ่งๆร่วมกัน และตกลงว่าจะประพฤติปฏิบัติร่วมกัน เป็นกำลังใจให้กันและกัน ยกตัวอย่างเช่นเพื่อนหรือพี่น้องตั้งใจถือศีล ๘ ร่วมกันทุกวันพระ เพราะปลงใจศรัทธาในผลอันไพบูลย์ยิ่งของศีล ๘ เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำท่าจะเสียศูนย์ อีกฝ่ายก็ทักท้วงและฉุดให้ประพฤติอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อทำอาจิณณกรรมอันเป็นบุญหรือบาปใหญ่ร่วมกัน มีความผูกพันกันมากๆเข้า ก็ย่อมเกิดความคล้อยตามกัน พูดคุยปรึกษา และตัดสินใจเหมือนๆกันแทบทุกเรื่อง จึงเป็นธรรมดาที่จะสั่งสมบารมีเสมอกัน คือเชื่อในทางเดียวกัน มีน้ำใจเท่ากัน มีศีลเสมอกัน และมีปัญญาใกล้เคียงกันจนชั่วชีวิต

หากเพื่อนหรือพี่น้องคู่นั้นมีอายุขัยใกล้เคียงกัน คือตายไล่เลี่ยกัน และยังมีจิตผูกพันในบุญที่ทำร่วมกัน เช่นนั้นแม้กายจบแต่บุญไม่จบ ต้องมีเส้นทางต่อบุญร่วมกันอีก พลังบุญจะยับยั้งให้ฝ่ายหนึ่งรออีกฝ่าย เพื่อถือฤกษ์เกิดเป็นมนุษย์ครั้งใหม่พร้อมกัน

สำหรับ 'แฝดต่าง' หมายถึงเด็กที่เกิดมาพร้อมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หากมากกว่าสองก็เรียกกันว่า 'แฝดหลาย' เด็กพวกนี้รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน และอาจจะคนละเพศก็ได้

'แฝดต่าง' หรือ 'แฝดหลาย' ล้วนเกิดจากไข่มากกว่าหนึ่งใบ แต่ละใบผสมกับอสุจิหนึ่งตัว ของใครของมัน และอาจปฏิสนธิต่างเวลากันได้เป็นวันๆ จึงไม่มีความแตกต่างจากพี่น้องคลานตามกันมาทั่วไป ที่อาจมีใบหน้าคล้ายคลึงหรือไม่มีเค้าเดียวกันเลย อาจเพศเดียวกันหรือต่างกันเป็นคนละเรื่อง ยิ่งกว่านั้น คนหนึ่งอาจอวัยวะครบสมบูรณ์ขณะที่อีกคนหนึ่งไม่

พูดง่ายๆ อะไรที่เกิดขึ้นได้กับพี่น้องคลานตามกันมา ก็เกิดขึ้นได้กับพี่แฝดพวกนี้เช่นกัน เท่าที่เคยได้ยินเกี่ยวกับแฝดคู่หนึ่งนะครับ คนหนึ่งเป็นออทิสติกขณะที่อีกคนไม่เป็น อย่างนี้ก็มี

กรรมอันแท้จริงที่ทำให้มาเป็น 'แฝดต่าง' และ 'แฝดเหมือน' จึงไม่จำกัดจำเพาะ เด็กๆอาจเคยเป็นเพื่อนกันมา อาจมีนิสัยใกล้เคียงหรือผิดแผก หรืออาจไม่มีสัมพันธ์กันเลยในชาติใกล้ เพียงแต่มีจุดร่วมเดียวกัน คือเหมาะจะได้ฤกษ์เกิดบนฐานคือพ่อแม่เดียวกัน ซึ่งถือว่าได้รากสำคัญที่สุดของชีวิตเหมือนๆกัน

ตรงฐานชีวิตคือพ่อแม่นั้น ชี้ในเบื้องต้นว่าทานบารมีใกล้เคียงกัน และ/หรือ ต่างก็มีความผูกสัมพันธ์กับพ่อแม่คู่เดียวกัน จึงมาร่วมฐานะเดียวกัน แต่ศีลบารมีและบารมีอื่นๆผิดแผก จึงมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกัน อุปนิสัยใจคอก็ไม่เหมือนกัน อุปนิสัยใจคอและชะตากรรมของ 'แฝดต่าง' และ 'แฝดหลาย' จะเป็นตัวบ่งบอก ว่าเด็กแต่ละคนเคยทำกรรมที่ละม้ายหรือผิดแผกกันเพียงใด

เท่าที่ผมเคยมีเพื่อนแฝดมา ตอนเด็กๆรูปร่างหน้าตาเหมือนกันมาก แต่พอโตขึ้นก็ชักแตกต่างทีละน้อย จนกระทั่งในที่สุดคล้ายพี่น้องธรรมดาซึ่งเกิดคนละปีเสียมากกว่า อันนี้ก็พิสูจน์ได้เช่นกันว่ากรรมปัจจุบันมีผลเปลี่ยนแปลงพื้นเดิมให้แตกต่างเป็นคนละองศาไปได้

๒) ความสนิทและความห่างเหิน

ความเข้ากันได้หาใช่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติไม่ คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าพวกแฝดต้องเข้ากันได้อย่างดี อย่างเนียน ความจริงก็คือแฝดบางคู่พยายามทำตัวเป็นพวกตรงข้ามกันก็มี ฝ่ายหนึ่งชอบอะไร อีกฝ่ายต้องเลือกชอบให้เป็นตรงข้ามเข้าไว้ ตามหลักธรรมดาที่มนุษย์มักอยากมีเอกลักษณ์ ไม่อยากให้ใครเหมือนตน และไม่อยากให้ตนเหมือนใคร พ่อแม่ส่วนใหญ่ตั้งชื่อเด็กแฝดให้ละม้ายหรือล้อกัน ซื้อชุดให้ใส่แบบเดียวกัน โดยไม่ทราบว่าเด็กแฝดบางคู่อึดอัดระอากับการขาดเอกลักษณ์เฉพาะตน หรืออย่างเบาอาจจั๊กจี้กับการมีใครอีกคนเหมือนตนดุจเงาในกระจก

แม้เกิดพร้อมกัน โตมาด้วยกันในบ้านหลังเดียวกัน แฝดก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน อาจเล่นหรืออาจแข่งขันกันไม่ต่างจากพี่น้องปกติที่เกิดคนละปีแม้แต่นิดเดียว แต่พ่อแม่มักจะนึกว่าไม่ต้องพูด ไม่ต้องเป็นกรรมการห้าม เห็นว่าเด็กไม่เป็นอื่นต่อกันอยู่แล้ว ซึ่งนั่นผิดถนัดและอาจเกิดปัญหาตามมาหลากหลาย นักจิตวิทยามักแนะนำให้พ่อแม่ของเด็กแฝดเลี้ยงพวกเขาเป็นต่างหาก ไม่ใช่เป็น 'คู่เหมือน' ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้รู้สึกว่าต่างความสามารถ ต่างทักษะและสติปัญญากันได้ มากกว่าที่จะกรอกหูกรอกตาพวกเขาด้วยวิธีต่างๆ ว่าเธอสองคนเป็นคนคนเดียวกันนะ

น่าสนใจเรื่องการแบ่งชั้นวรรณะในหมู่ 'แฝดหลาย' พวกเขาไม่ได้นับถือหรือให้เครดิตผู้นำกลุ่มกับคนเกิดก่อนหรอกนะครับ คือไม่ยกย่องให้ใครเป็นพี่คนโต ไม่เกรงใจในอาวุโส เพราะห่างกันอย่างมากก็เป็นชั่วโมง โดยทั่วไปห่างกันไม่กี่นาที และบางรายพิเศษหน่อยห่างกันแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ใครจะเป็นผู้นำ จึงขึ้นอยู่กับบารมีที่สั่งสมมา ว่ามากกว่าหรือน้อยกว่า ไม่ใช่เกิดก่อนหรือเกิดหลัง

อย่างไรก็ตาม มีรายงานกรณีที่เกิดขึ้นจริง คือแฝด 'บางคู่' สามารถรับรู้แม้กระทั่งความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่าย ราวเกิดขึ้นกับตน หรือหลายครั้งมักพูดพร้อมกัน ใช้คำเดียวกัน เปล่งเสียงได้ระดับหนักเบาเหมือนกัน พวกนี้เข้าถึงกันได้ขนาดรู้เข้าไปกระทั่งความคิด พูดให้ง่ายคือรู้ใจกันด้วยสัญญาณทางจิตอันพ้นภาษาพูด โดยไม่จำเป็นต้องฝึกฝนแต่อย่างใด

พวกนี้จะไม่ชอบถูกเลี้ยงแยกกัน พอใจจะเป็นก๊อปปี้ของกันและกัน นั่นก็เพราะอดีตกรรมผูกกันสนิทยิ่ง เคยประคบประหงมกันมา เห็นใจกันมา หรือเคยดูใจก่อนตาย อธิษฐานขอไปเกิดเป็นพี่น้องร่วมกันทุกชาติ มีใจสนิทแน่นแฟ้นไม่เป็นอื่นต่อกันยิ่งยวด จึงผูกพันพอจะสัมผัสรู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย แม้อยู่ต่างถิ่นห่างกันนับ ร้อยไมล์ ก็รู้สึกเวลาเกิดเรื่องดีจัดหรือร้ายแรงกับอีกฝ่าย

มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ว่าคนเราเมื่ออยู่ใกล้ชิดกันมากๆเข้า ก็เกิดโทรจิตแบบเดียวกันนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่แฝดเสมอไป นั่นช่วยยืนยันได้ทางหนึ่ง ว่าจิตคนเราผูกพันกันได้ผ่านความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น อาจข้ามพบข้ามชาติ หรืออาจเห็นทันตาภายในชาตินี้เอง คุณอาจพบด้วยตนเองว่าเพื่อนสนิทหรือคนรักบางคู่ มีโครงหน้าต่างกันเป็นคนละเรื่อง แต่เห็นอยู่ด้วยกันแล้วคุณรู้สึกอยากทักว่าหน้าคล้ายกันจัง อันนั้นคุณเห็น 'รัศมีจิต' ของเขาต่างหากครับ ไม่ใช่หน้าตาหรอก พวกเขาผูกพันกันและร่วมบุญร่วมบาปมามาก ทางจิตวิญญาณหล่อหลอมเป็นหนึ่ง

ในทางกลับกันแม้เคยผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งขนาดไหน ถ้าชาติปัจจุบันห่างๆกันไป ไม่ค่อยมีเวลานึกถึงกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกันน้อย ในที่สุดเกลียวสัมพันธ์ฉันแฝดก็คลายตัว เกิดใหม่ก็ต่างคนต่างเกิดเหมือนคนปกติทั่วไป

มีบ้างที่หญิงบางคู่เคยร่วมสามีกัน ยินดีในสามีร่วมกัน ไม่เป็นปฏิปักษ์กัน ติดตามปรนนิบัติและร่วมบุญกับสามีโดยไม่มีความเกี่ยงงอนใดๆ ก็เกิดใหม่เป็นแฝดรู้ใจ และพบรักกับชายคนเดียวกัน ซึ่งถ้าหากเป็นชายคนเดิมกับชาติที่ผ่านมาก็แล้วไป บุญที่เคยร่วมกันจะไม่เป็นชนวนให้รังเกียจกันอีก แต่หากชายนั้นเป็นคนละคน โอกาสก็คือเค้าจะเป็นชนวนให้หญิงแฝดริษยาแก่งแย่งกันได้ ไม่ต่างจากรักสามเส้าธรรมดาทั่วไป

นี่ก็สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีความกลมกลืนใดตั้งมั่นถาวร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยเป็นคราวๆ เคยเป็นแก้วเนื้อเดียวกัน ที่สุดก็อาจแตกร้าวเป็นคนละชิ้นเมื่อใดก็ได้ที่โดนเหตุปัจจัยลบเข้าทุบ

๓) ผลกระทบต่อครรภ์มารดา

คุณแม่บางรายคลอดแฝดคนเดียวไม่สะใจนะครับ ในกินเนสบุ๊กบันทึกไว้ว่าในปี ๑๗๘๒ มีหญิงชาวนาของประเทศรัสเซียคลอด 'แฝดหลาย' ถึง ๒๗ ครั้ง (คือขั้นต่ำสุดเธอมีลูก ๘๑ คน) ตรงนี้แสดงให้เห็นปัจจัยฝ่ายมารดา คือหญิงบางคนมีกรรมเป็นสถานีผลิตเด็กแฝดจริงๆ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด และตรงนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าธรรมชาติการตั้งครรภ์ไม่มีจำนวนตายตัวที่แท้จริง ต้องมีกรรมอย่างหนึ่งวางแผนไว้เสมอ

การคลอดลูกอาจเป็นได้ทั้งความสุขขั้นสูงสุดที่เติมเต็มความเป็นหญิง หรืออาจเป็นทุกข์มหันต์สำหรับผู้ที่ไม่เต็มใจจะเป็นหญิง ยิ่งถ้าต้องมาคลอดลูกแฝด ก็นับเป็นเรื่องทวีคูณได้ทั้งสุขและทุกข์ สุขและทุกข์อาจขึ้นอยู่กับความอยากได้อยากมี ขึ้นอยู่กับฐานะเงินทอง ขึ้นอยู่กับสุขภาพ ฯลฯ

มาว่ากันเฉพาะสุขภาพ คุณแม่ครรภ์แฝดเสี่ยงต่ออันตรายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นหัวใจวาย หัวใจล้มเหลว ความดันสูง โลหิตจาง การตกเลือดมากเพราะมีสายรกมาก ตลอดจนคลอดก่อนกำหนด หรือการคลอดผิดปกติที่เป็นภัยกับแม่โดยตรง

ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็เนื่องจากตัวอ่อนจำนวนมากๆมีผล ให้ร่างกายรับภาระหนักเกินธรรมชาติ หากร่างกายไม่แข็งแรงพอแล้วเกิดอันตรายใดๆขึ้น ก็พอประมาณได้ว่าการรับลูกแฝด เป็นอกุศลวิบากของคุณแม่ด้วย

ขอยกตัวอย่าง เช่นถ้าเป็นแฝด ๕ แล้วเด็กออกมาตายหมด คุณลองคิดถึงสภาพจิตใจของคนเป็นแม่ที่อุตส่าห์อุ้มท้องมานาน เสร็จแล้วไม่เหลือเด็กให้ชื่นใจแม้แต่คนเดียว ตรงนั้นถ้าจะอธิบายเป็นเหตุเป็นผล ก็ต้องว่าตามเนื้อผ้า ที่เธอทำกรรมประเภทที่จะต้องตั้งท้องด้วยความทรมานเปล่า

ส่วนกรรมของบรรดาเด็กวาสนาน้อยเหล่านั้น คือเคยทำกรรมข้อปาณาติบาต โดยเฉพาะเกี่ยวเนื่องกับการทำแท้ง จึงไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก ตัวอย่างนี้คงทำให้เห็นภาพการทำงานร่วมกันของวิบากทั้งฝ่ายแม่และฝ่ายเด็กได้อย่างดี


กล่าวโดยสรุป กรรมที่ทำให้เป็นแฝด ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการที่ทำให้ต้องเสวยภพอะไรสักอย่าง แฝดอาจเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่าต้นเค้าของกรรมที่ทำให้เป็นแฝดนั้นดีหรือร้ายนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น