ถาม : ผู้หญิงที่เข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวม
อวดเนื้อหนังให้พระหวั่นไหว ต่อไปจะได้รับผลกรรมอย่างไร
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๐
ดังตฤณ:
ขอบเขตของคำถามที่ว่า 'แต่งกายไม่สำรวม ' เข้าวัดนั้น อาจทำให้เพ่งโทษคับแคบ ต้องค่อยๆมองให้คลุมข้อเท็จจริงตามลำดับครับ
โดยความเป็นเพศหญิง
มีธรรมชาติดึงดูดใจ หรือล่อตาอยู่ในตัวเอง
เดินๆไปถ้าเป็นที่สนใจได้ก็ถือว่ามีรูปสมบัติอันพึงมีสมเพศตน
ถ้าวันไหนแต่งองค์ทรงเครื่องได้ถึงขนาดชายหญิงมองเหลียวหลังกันทั่วทุกหัวระแหง
ก็จะยิ่งภาคภูมิเต็มอิ่ม ประมาณเดียวกับที่นักวิ่งเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรกทีเดียว
ฉะนั้นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดีเกือบทุกคนจึงอดไม่ได้กับการอยากทดสอบเสน่ห์ของตน
แล้วอะไรจะเป็นเครื่องทดสอบได้ดีไปกว่าผู้ประกาศตนว่าสละเรื่องทางเพศแล้ว
ไม่สนใจเพศหญิงอีกแล้ว
สมัยนี้พระทั่วไปไม่ใช่เครื่องทดสอบที่น่าท้าทายอะไรนัก
เนื่องจากข่าวฉาวที่ประดังเข้าหูเข้าตาผ่านหน้าหนังสือพิมพ์แทบไม่เว้นแต่ละวัน
ทำให้ผู้หญิงยุคใหม่มองพระไม่ต่างจากชายนุ่งกางเกงนอกวัดทั้งหลาย
หากทำให้สนใจได้ยังไม่ถือว่าแน่อะไรนัก เท่าที่ทราบจากคำให้การของสาวๆส่วนใหญ่
จะรู้สึกสมเพชและนึกดูถูกพระที่ไม่สำรวม
เพ่งเล็งตนด้วยสายตากรุ้มกริ่มตั้งแต่แรกเห็น
ยิ่งกว่าสมเพชและดูถูกผู้ชายทั่วไปมาก
เนื่องจากใส่เครื่องแบบที่ควรจะมีสง่าราศีเยี่ยงภิกษุผู้อิ่มแล้ว
แต่กลับทำตัวกระจอกไม่ต่างจากนักโทษที่หิวโซ
แต่หากกลับเป็นตรงข้าม
ถ้าเป็นพระชื่อดัง ที่มีคนร่ำลือว่าเป็นผู้สงบ เป็นผู้สำรวม การทำให้ท่านสนใจได้
นับว่าน่าภาคภูมิใจเป็นพิเศษ
ระดับความอยากให้สนใจก็ต่างๆกันไปตามพื้นความคิดความอ่านของผู้หญิงแต่ละคน
เท่าที่ได้ทราบจากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งตั้งใจสละโลก และเข้าประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดและละอาย
คือพออยู่ๆในวัดไปแล้วอดไม่ได้
เห็นชายที่เคร่งๆแล้วอยากลองเสียหน่อยว่าเขาจะทนเสน่ห์เธอไหวไหม
ในระดับของเธอ
ก็จัดได้ว่ามีสติดีและยอมรับตามจริงมากพอที่จะเห็น แม้อาการตั้งใจเล็กๆน้อยๆของตน
เช่นชม้ายตา หรือไม่มีอะไรเลยก็เดินด้วยความรู้สึกเป็นเป้าล่อความสนใจของผู้เคร่งในธรรม
ธรรมดาผู้หญิงที่เคยถูกจับจ้องมามาก
จะสำเหนียกรู้ได้ว่ากำลังมีผู้ชายสนใจตนอยู่หรือเปล่า
และเป็นการแอบชำเลืองหรือเพ่งเล็งเขม็ง
เป็นความสนใจด้วยความชื่นชมหรือเจืออยู่ด้วยราคะ
และราคะนั้นถึงขั้นหื่นกระหายหมดรูปหรือว่าเป็นเพียงความวาบหวามแบบอ่อนๆ
หากทำได้ครั้งหนึ่งก็นึกยินดี
หรือนึกภูมิใจว่าตนแน่ ยิ่งพระที่ขึ้นชื่อว่าปลอดกิเลสเท่าไร
ยิ่งอยากทำให้สนใจตนมากขึ้นเท่านั้น แต่หากปลูกฝังจิตสำนึกในทางละอายเอาไว้ก่อน
ก็จะรู้สึกผิดรุนแรงที่ทำเรื่องไม่งาม ไม่สมควร หรือบางคนยั่วให้สนใจสำเร็จ เห็นพระทำตาหวานใส่
ก็พานเกลียดชัง พานสาปส่ง หมดความนับถือไปเลย ไม่เหลือเกียรติให้ต้องเคารพกันอีก
และไม่คิดหวนกลับไปทำบุญที่วัดกันตลอดชีวิต
นี่นับเป็นความขัดแย้งในตัวเองที่น่าปวดหัว
ที่กล่าวมาคือหญิงผู้มีสำนึกในธรรมแล้วนะครับ
ตั้งใจจะเดินบนเส้นทางสีขาวแน่นอนแล้ว
ยังเจอเรื่องมิติมืดภายในตนเล่นงานให้ย่ำแย่เข้าได้ แล้วผู้หญิงธรรมดา
โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับการรับรู้ข่าวคาวๆฉาวๆของพระล่ะ?
เท่าที่ทราบแนวโน้มของสาวรุ่นใหม่
จะไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับเครื่องแบบที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับเขตวัด ถ้าเพิ่งเข้าวัดใหม่ๆหรือนานๆเข้าวัดที
จะนึกไม่ถึงว่าเสื้อยืดและกางเกงรัดรูปที่ 'แต่งกันเป็นปกติ ' นั้น อาจมีความยั่วตายวนใจ
และรบกวนตบะของพระสงฆ์ได้ง่ายๆ
แต่จะมีสาวอีกกลุ่มหนึ่ง
ที่จงใจแต่งตัวหวือหวาขัดกับสถานที่ ให้เป็นที่สนใจของคนอื่น
ไม่ว่าจะพระเณรหรือฆราวาสด้วยกัน เข้าหลักถ้าอยากเด่นต้องทำตัวให้ไม่มีใครเหมือน
เขาหลิ่วตาเราอย่าหลิ่วตาม เขาแต่งขาวเราต้องแต่งดำ
ผู้หญิงอื่นปกปิดเราต้องเปิดโปง
เอาเฉพาะเจตนาอันหนักแน่นข้อนี้นะครับ
ถ้าแต่งตัวโป๊เพื่อล่อตาล่อใจเพศตรงข้ามในวัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำด้วยความภาคภูมิใจและไม่สำนึกผิดภายหลัง
หญิงนั้นได้ชื่อว่าเพาะเชื้อแห่งความเป็นธิดาพญามารไว้ในตนแล้ว
การทำบุญสร้างความเป็นธิดาพญามารมีหลายระดับ
ถ้าแจกแจงละเอียดยิบคงเป็นปึก ในที่นี้ขอแยกเป็นคร่าวๆให้เห็นภาพง่ายสุดคือ
๑ )
เมื่อถึงเวลาทำบุญ ก็ทำด้วยน้ำจิตเลื่อมใส ของที่นำมาถวายเป็นการจัดหาของตน
หรือตั้งใจร่วมสวดหรือฟังเทศนาธรรมด้วยอาการสำรวม ก็เป็นบุญที่มีกำลังมาก
หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังอ่อน แค่ในระดับล่อตาล่อใจ
ไม่ถึงขั้นรู้สึกว่าถ้าสึกพระได้ถือว่าเจ๋ง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสดึงดูดใจ
แต่เจือด้วยปัญหาร้อนใจในการคบเพื่อนต่างเพศ เพราะใครๆก็จ้องตาเป็นมัน
และมักเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ทางเพศเป็นหลัก
แต่กว่าจะกอบโกยประโยชน์จากเนื้อหนังไปได้เต็มอิ่ม กว่าจะรู้สึกจืดชืด
ก็เนิ่นนานแรมปี
เมื่อตายไป
กำลังของบุญอาจเป็นแรงฉุดขึ้นสวรรค์ ถ้าจิตไม่ผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด
ก็จะอยู่ในหมู่เทวดาที่เสวยบุญ รื่นเริงเช้าค่ำตามปกติ
แต่หากจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะไปอยู่ในหมู่เทวดาฝ่ายมาร
มีใจขวางผู้ปรารถนาความหลุดพ้น
เห็นใครประพฤติพรหมจรรย์เก่งๆก็อาจทุรนทุรายอยากลองของ
เช่นลองมาเข้าฝันแสดงภาพงามวิจิตรล่อใจเสียหน่อย ดูซิว่าจะเผลอหลุดฟอร์มไหม
พร่ำละเมอเพ้อพกถึงนางในฝันได้ไหม
๒ )
เมื่อถึงเวลาทำบุญ ใจก็ยังวอกแวก คอยสังเกตว่ามีใครมองตนไหม
เมื่อร่วมสวดมนต์กับคนอื่นก็ไม่ตั้งใจ เมื่อฟังเทศนาธรรมก็ฟุ้งซ่านเรื่องแฟน
อย่างนี้เป็นบุญที่มีกำลังอ่อน และเจืออยู่ด้วยราคะ
หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังกล้าแข็ง
ถึงขั้นเห็นว่าถ้าสึกพระได้นับเป็นยอดหญิง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสน่ารังเกียจ
ไม่น่าเข้าใกล้ ไม่น่าจับต้อง ตัวไม่เหม็นแต่ก็เหมือนเหม็นอย่างไรบอกไม่ถูก
ผู้ชายเข้ามาด้วยความหน้ามืดสถานเดียว
และมักเป็นประเภทที่เสพสมครั้งเดียวแล้วเบื่อทันที อยากทิ้งขว้างเหมือนกระดาษชำระที่
ี่ใช้แล้วทันที แทบไม่มีแก่ใจอยากแตะต้องต่อ เว้นแต่รอให้หน้ามืดอีกทีคราวหลัง
เมื่อตายไป
กำลังของบาปมักรั้งลงต่ำถึงอบายภูมิ อาจไปเป็นเปรตจำพวกอสูร
ยิ่งถ้าจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในเขตอสุรกายใจทราม
ชอบเข้าฝันพระหรือชายดีๆ แสดงเป็นแต่ภาพลามกจกเปรต ล่อให้คิดถึงกามารมณ์
และมักเป็นกามารมณ์ที่ผิด หรือสถานเบาถ้ามีวาสนาได้กลับมาเป็นมนุษย์
ก็อาจมีความต้องการทางเพศสูง อย่างที่เรียกกัน (แบบผิดความหมายเดิม)
ว่าเป็นฮิสทีเรีย อยากมีอะไรกับผู้ชายไม่เลือกหน้า เป็นต้น
สิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนคือถ้าผู้หญิงเข้าวัดโดยมีใจเจืออยู่ด้วยเรื่องทางเพศ
หรือเรื่องเกี่ยวกับการดึงดูดใจชาย เกิดใหม่มักจะเป็นหญิงอีก
และห่วงเรื่องความดึงดูดใจของตนเป็นที่หนึ่ง
จะกระวนกระวายมากถ้ารู้สึกว่าตนเองขาดความดึงดูดใจ ไม่น่าชม
ได้เงินเดือนมามักถมลงไปกับเรื่องความสวยความงามเป็นหลัก
ทางที่ดีที่สุด
ถ้าเริ่มเข้าวัดด้วยใจที่สะอาด ไม่มีเจตนาให้พระมาเพ่งพิศตน จะปลอดภัยที่สุดครับ
การแต่งกายปกปิดมิดชิดก็เป็นการสะท้อนถึงเจตนาอันดี ผมทราบว่าสุภาพสตรีหลายท่านมี 'ชุดปกติ ' รัดรูป
ตอนเข้าวัดยากจะหา ' ชุดปกปิด' ได้เจอ
อันนี้ขอแนะนำว่าหากทราบแน่ว่าต้องตามที่บ้านไปเข้าวัดประจำ ก็ควรหาซื้อ 'ชุดพิเศษ ' มาเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันดีในการเข้าวัดโดยเฉพาะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น