ถาม : ผมเป็นเกย์ครับ แบบว่าไม่แต๋วนะครับ
ตั้งแต่วัยุร่นจะไม่รู้สึกรู้สากับผู้หญิง
ต่อให้สวยหรือหุ่นดียั่วน้ำลายชายทั่วไปขนาดไหน ต่างจากตอนเห็นผู้ชายมาดเท่ๆ
เห็นแล้วถึงจะฮอต
คุณดังตฤณเคยบอกมาหลายครั้งว่าที่ผิดปกติทางเพศเพราะเคยประพฤติผิดทางเพศ
เพราะฉะนั้นก็จะไม่ถามถึงสาเหตุ แต่อยากถามว่าการเป็นเกย์นี่ขัดขวางมรรคผลนิพพานไหม? ผมอยากหลุดพ้นไปก็เพราะทุกข์หนักเรื่องความรู้สึกทางเพศของตัวเองนี่แหละครับ
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๗
ดังตฤณ:
ถ้าไม่ได้มีจิตบิดเบี้ยวมาก ทุกคนก็มีสิทธิ์บรรลุมรรคผลหมดแหละครับ จิตที่บิดเบี้ยวมากจนหมดสิทธิ์ดัดให้ตรงถึงขั้นทรงฌานรู้นิพพานนั้น จะมีอยู่สองพวกคือ
๑)
มีอวัยวะของสองเพศในร่างเดียวกัน โลกนี้มีไม่มากนัก
แต่ก็มีอยู่จริงทั้งในอดีตและปัจจุบัน
๒) ทำอนันตริยกรรม
คือฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์ เป็นพระที่ทำความแตกแยกกับหมู่สงฆ์
และทำร้ายพระพุทธองค์ถึงขั้นห้อพระโลหิต
ที่สำคัญ
ผมแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเห็นตัวอย่างของจริงมาแล้วคือ ถ้าเกย์คนไหนดำรงตนเป็นพุทธแท้
จะสามารถแก้ปัญหาความเบี่ยงเบนทางเพศได้อย่างแน่นอน
หมายความว่าอาการบิดเบี้ยวเล็กๆอันเกิดจากความเบี่ยงเบนทางเพศจะหายไป
เปิดโอกาสให้ปฏิบัติธรรมขั้นสูงขึ้น เกิดความเห็นอันเที่ยงตรง
รับรู้ธรรมชาติตามจริง ว่าไม่มีสิ่งใดเที่ยง แม้แต่จิตและความรู้สึกนึกคิดก็ดับไปเป็นขณะๆอยู่ตลอดเวลา
จึงไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตนเลย
การดำรงตนเป็นพุทธแท้ที่จะแก้ปัญหาความเบี่ยงเบนทางเพศได้
มีอยู่ ๓ ระดับ ได้แก่ ทาน ศีล และภาวนา
๑) ทาน
ในที่นี้คือการช่วยเหลือให้คนที่รู้สึกแย่ๆกับตนเอง ได้มีมุมมองที่ดีขึ้น
นับถือตนเองมากขึ้น มีความสุขกับชีวิตของตนเองมากขึ้น
ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ เช่นเขาดูถูกตัวเองว่าโง่
ก็ให้กำลังใจเขาว่าเด็กเกิดมามันโง่กันทุกคน ที่หายโง่ได้ก็เพราะเริ่มทำเรื่องฉลาดๆ
เช่นไม่ดูถูกตัวเอง และต่อสู้เพื่อให้รู้มากกว่าเมื่อวาน หากคุณค่อยๆพูดหยอด
ค่อยๆปลอบ กระทั่งเขารู้สึกดีและมีกำลังใจ
ผลสะท้อนกลับคือคุณจะรู้สึกดีขึ้นกับตนเองมากกว่าเคยทีละนิด ยิ่งคุณรู้สึกดีกับตนเองเพราะช่วยเหลือผู้อื่นสำเร็จมากขึ้นเท่าไร
ความรู้สึกด้านไม่ดีก็ย่อมลดน้อยถอยลงตามส่วน
อาการลดน้อยถอยลงของความรู้สึกไม่ดีกับตนเองนั่นแหละ
แสดงให้เห็นว่าวิบากมืดถูกเจือจางด้วยบุญใหม่ๆ
วันหนึ่งคุณจะพบว่าความเห็นค่าของตนเอง จะทำให้ความบิดเบี้ยวเบี่ยงเบนเบาบาง
และกระทั่งเหมือนหายไปจากใจ แม้ไม่หายขาดสนิท ก็ไม่ติดใจกังวลหรือต้องทนทุกข์มากมายนัก
เปิดโอกาสให้บำเพ็ญบุญเพื่อความเป็นพุทธแท้ในขั้นต่อๆไปได้คล่องขึ้น
๒) ศีล
ในที่นี้ต้องพูดในระดับศีล ๘ หากคุณยอมงดเว้นการเสพกาม
ตลอดจนไม่เสพเครื่องกระตุ้นกามเช่นอาหารหลังเที่ยง ที่นอนนุ่มสบาย
และการดูหนังฟังเพลงอันย้อมใจให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็จะเป็นการทวนกระแส
ไม่ปล่อยตนให้ถูกดึงดูดอยู่ใต้อำนาจกรรม
ซึ่งก็เท่ากับเจือจางวิบากทางเพศให้บรรเทาเบาบางลงด้วย
การถือศีล ๘
ที่จะแก้การเบี่ยงเบนทางเพศนั้น ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดงดเว้นให้ได้ทุกวัน
เอาแค่เดือนละ ๔ หน นับเอาวันพระเป็นหลักก็ดี
นานไปความตั้งใจงดเว้นจะกลายเป็นวินัย กลายเป็นแบบทดสอบความอดทน
และกลายเป็นเครื่องเสริมสร้างความเข้มแข็ง ก่อให้เกิดความรู้สึกมั่นคงขึ้นอย่างมาก
เมื่อห่างเครื่องกระตุ้นราคะ
เอาชนะการครอบงำของราคะได้เดือนละ ๔ วัน พอครบปีคุณจะรู้สึกดีขึ้น ความหมกมุ่นทางเพศลดลง
ซึ่งก็จะมีผลให้ความเบี่ยงเบนทางเพศลดลงไปด้วย ตามสัดส่วนของความมั่นคงทางใจ
ที่คุณสามารถรักษาวินัย ซื่อสัตย์กับตนเองได้
๓) ภาวนา การภาวนาหมายถึงการอบรมจิตให้สงบจากกิเลส ปลอดโปร่งจากราคะและโทสะหยาบๆ
ตลอดจนเอาชนะความหลงผิด มีจิตตื่นรู้ขึ้นเห็นความจริง เช่นเห็นกายเป็นของไม่สะอาด
น่ารังเกียจ ไม่มองกายด้วยความเป็นเครื่องล่อให้อยากเสพกาม
แต่มองเห็นทุกซอกมุมแห่งความจริงทางกาย ว่ามีแต่คราบไคลเหงื่อสกปรกแฝงอยู่ทุกขุมขน
มีแต่การสะสมขี้ฟันอยู่ทุกวินาที มีแต่การไหลเข้าไหลออกตามทวารหนักทวารเบา
อะไรดีๆเข้าทางปาก เดี๋ยวเดียวออกมาเป็นอะไรเสียๆทางก้น ไม่เว้นแต่ละวันแต่ละคืน
การมีสติระลึกรู้อยู่เรื่อยๆ เล็งกายไปตรงไหนก็เจอแต่หน่อเหม็นแนวเหม็น จะทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลง เห็นตามจริงมากขึ้นเรื่อยๆว่าทั้งกายเรากายเขาเป็นของเน่าเปื่อย ไม่ใช่สิ่งน่ารักน่าใคร่ จิตของคุณจะอยู่เหนือความรู้สึกทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน เมื่อกายไม่อาจกระตุ้นความมาดหมายทางเพศได้ ความเบี่ยงเบนทางเพศก็ย่อมทำอะไรจิตคุณไม่ได้เช่นกัน
และในที่สุด เมื่อพินิจเห็นกระทั่งจิตของคุณก็ต้องเสื่อมไป มีคิดดี มีคิดชั่ว มีครุ่นคิดทางเพศ มีเลิกครุ่นคิดหนักอก คุณจะวางได้กระทั่งความกังวลว่าตัวเองเป็นหรือไม่เป็นเกย์ เพราะเห็นอย่างแท้จริงว่าเป็นเกย์หรือไม่เป็นเกย์มันเริ่มขึ้นที่จิต เริ่มขึ้นที่คิด เพียงคุณไม่มองว่าจิตและความคิดเป็นตัวคุณ แต่เห็นเป็นสภาวะที่เกิดแล้วต้องดับตลอดวันตลอดคืน ความเบี่ยงเบนทางเพศย่อมหายไป ณ ที่ที่คุณรู้แจ้งนั้น
เมื่อสั่งสมบารมีทางทาน ศีล และภาวนามาถึงระดับหนึ่ง กายใจคุณจะปฏิวัติ เหมือนเป็นคนใหม่ เป็นตัวตนใหม่ เริ่มจากจิตที่สว่าง อบอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหายขาดจากรสนิยมผิดธรรมชาติในตน นี่คือสิ่งที่ผมเห็นจากคนที่เขาเอาจริงเอาจังในเส้นทางสายสว่างของพุทธแท้มาแล้วครับ
การมีสติระลึกรู้อยู่เรื่อยๆ เล็งกายไปตรงไหนก็เจอแต่หน่อเหม็นแนวเหม็น จะทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลง เห็นตามจริงมากขึ้นเรื่อยๆว่าทั้งกายเรากายเขาเป็นของเน่าเปื่อย ไม่ใช่สิ่งน่ารักน่าใคร่ จิตของคุณจะอยู่เหนือความรู้สึกทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน เมื่อกายไม่อาจกระตุ้นความมาดหมายทางเพศได้ ความเบี่ยงเบนทางเพศก็ย่อมทำอะไรจิตคุณไม่ได้เช่นกัน
และในที่สุด เมื่อพินิจเห็นกระทั่งจิตของคุณก็ต้องเสื่อมไป มีคิดดี มีคิดชั่ว มีครุ่นคิดทางเพศ มีเลิกครุ่นคิดหนักอก คุณจะวางได้กระทั่งความกังวลว่าตัวเองเป็นหรือไม่เป็นเกย์ เพราะเห็นอย่างแท้จริงว่าเป็นเกย์หรือไม่เป็นเกย์มันเริ่มขึ้นที่จิต เริ่มขึ้นที่คิด เพียงคุณไม่มองว่าจิตและความคิดเป็นตัวคุณ แต่เห็นเป็นสภาวะที่เกิดแล้วต้องดับตลอดวันตลอดคืน ความเบี่ยงเบนทางเพศย่อมหายไป ณ ที่ที่คุณรู้แจ้งนั้น
เมื่อสั่งสมบารมีทางทาน ศีล และภาวนามาถึงระดับหนึ่ง กายใจคุณจะปฏิวัติ เหมือนเป็นคนใหม่ เป็นตัวตนใหม่ เริ่มจากจิตที่สว่าง อบอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหายขาดจากรสนิยมผิดธรรมชาติในตน นี่คือสิ่งที่ผมเห็นจากคนที่เขาเอาจริงเอาจังในเส้นทางสายสว่างของพุทธแท้มาแล้วครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น