ถาม : สมมุติว่าผมเดินไปเจอเงินตกอยู่กลางถนน
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ
(เคยได้ยินบ่อยๆทำนองคนเก็บขยะเคยเจอแหวนเพชรในซองที่ถูกทิ้งโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ)
ถ้าเรานำเงินมาเข้ากระเป๋าตัวเอง วิบากจะเป็นเช่นไร ถือว่าผิดศีลข้ออทินนาฯไหม? แล้วกรณีที่เราพยายามสืบหาเจ้าของอย่างเต็มที่แต่หาไม่ได้จริงๆ
จะยังผิดอยู่ไหม? อีกอย่างถ้านำทรัพย์ดังกล่าวไปทำบุญ
ผลบุญที่ได้จะเป็นเช่นไร? ส่วนเจ้าของเงินตัวจริงถ้าไม่ได้อนุโมทนา
จะได้บุญตามเราหรือไม่อย่างไร? และถ้าเป็นคุณดังตฤณเจอเงิน
คุณจะทำอย่างไรกับเงินนั้น?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๗
ดังตฤณ:
ต้องทำความเข้าใจเรื่องธรรมชาติของสิทธิ์ในการครอบครองกันก่อนครับ ตามกฎของธรรมชาตินั้นคล้ายคลึงกับกฎหมายทางโลก นั่นคือสิทธิ์ครอบครองสมบัติจะคงอยู่ตราบเท่าที่เจ้าของยังไม่ตาย และ/หรือ ยังไม่ยินยอมยกให้กับผู้อื่น
สิทธิ์ในการครอบครองเป็นสิ่งที่มีพลังในตัวเอง
หากใครมาทำลายสิทธิ์นั้น เจตนาฉกฉวยสิทธิ์นั้นไปครอบครองโดยเจ้าของไม่ยินยอม
ก็ได้ชื่อว่าทำกรรมข้อที่ว่าด้วยการลักขโมยเต็มร้อย
สิทธิ์ในการครอบครองจะเป็นพลังที่เป็นกลางกับเจ้าทรัพย์เดิม
แต่จะแปรเป็นพลังลบ
หรือเป็นเงาดำติดตัวหัวขโมยไปในทันทีที่เกิดการยักยอกหรือฉกชิงไป
หากคุณมีโอกาสเข้าไปในบ้านหัวขโมย เห็นข้าวของเครื่องใช้ที่ขโมยคนอื่นมาตั้งอยู่เรียงราย
ก็จะสัมผัสได้ชัดเลยครับว่ามีกลิ่นอายแปลกๆ
ทั้งบ้านมีความทึบทึมน่าอึดอัดอย่างอธิบายยาก
และตัวหัวขโมยเองก็มีกระแสประหลาดที่ไม่น่าไว้ใจ ไม่น่าเข้าใกล้ อันนั้นแหละ
‘เงาดำ’ อันเกิดจากการมีสมบัติอย่างไม่ชอบธรรม
คราวนี้มาถึงกรณีของทรัพย์ที่พบตามทาง
คุณไม่มีเจตนาไปปล้นใครเขามา
อันนั้นเป็นความจริงข้อหนึ่งที่ทำให้การหยิบฉวยไปไม่เข้าข่ายลักขโมย
แต่สิทธิ์ในการครอบครองวัตถุยังไม่หายไป
เพราะเจ้าของยังไม่ยินยอมยกสิทธิ์ให้ใครอื่น
อันนั้นเป็นความจริงอีกข้อหนึ่งที่ทำให้คุณครอบครองสมบัติโดยไม่ชอบธรรมเต็มร้อย เพราะฉะนั้นขอกล่าวว่าคุณไม่ได้ทำกรรมอันเป็นบุญหรือเป็นบาปอย่างชัดเจน
แต่มีมลทิน มีกลิ่นเหม็นติดมือมาด้วย
ส่วนจะเหม็นมากหรือเหม็นน้อยก็ขึ้นอยู่กับความโลภที่เกิดขึ้น
ตัวอย่างนะครับ
ถ้าระหว่างเดินทางเข้าบ้านซึ่งไม่ค่อยมีคนสัญจร หากเห็นกระเป๋าเงินหล่น
คุณรีบปรี่เข้าไปฉกทันที ด้วยเจตนาจะรีบอุ๊บอิ๊บไว้ เป็นการป้องกันเจ้าของกลับมาพบ
อันนั้นไม่ขโมยก็เหมือนขโมย
เพราะใจรู้สึกอยู่ว่าเจ้าของเขามีสิทธิ์รู้ตัวและย้อนกลับมาเอาคืนได้ภายในสองสามนาที
ไม่สายเกินการณ์
อีกประการหนึ่ง
ถ้าของที่พบเป็นกระเป๋าสตางค์ ปกติจะมีร่องรอยเจ้าของอยู่เสมอ
เช่นบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวพนักงาน อันนี้คุณมีสิทธิ์สองประการเกิดขึ้นทันที
หนึ่งคือทำบุญด้วยการนำของไปคืนตามที่อยู่ สองคือทำบาปด้วยการไม่รู้ไม่ชี้
ริบทรัพย์ไปเลยด้วยใบหน้าเฉยๆชาๆ
มันขึ้นอยู่กับว่าใจคุณรู้อย่างไร
คิดอย่างไรด้วย ถ้ารู้ตัวว่าอยู่ในมือคุณ เจ้าของมีสิทธิ์ได้คืนแน่
เพราะคุณจะแจ้งเขาตามที่อยู่ตามเอกสารในกระเป๋า อันนั้นหากตัดสินใจทิ้งไว้ที่เดิม
แม้ไม่เป็นบุญไม่เป็นบาปก็ถือเป็นการขาดเมตตา เพาะนิสัยดูดาย
อันเป็นกรรมที่กระเดียดไปทางลบอยู่ดี
ยิ่งเป็นกรณีคนเก็บขยะพบแหวนเพชร
ถ้าเขาซื่อจริงย่อมสืบได้ว่ามาจากขยะกองไหน เป็นเขตบ้านของใคร
การนำไปคืนไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัย
คือแจ้งตำรวจเรียกหาเจ้าของเดิมมารับพร้อมหลักฐาน
แต่มีอีกกรณีหนึ่ง
หากเจอแต่เงินหรือทรัพย์ล้วนๆที่ไม่อาจสืบหาเจ้าของได้
อันนั้นถ้าทิ้งไว้กับที่จะดีที่สุด สบายใจที่สุด เพราะแม้คุณคิดว่าถ้าคุณไม่เอา
คนอื่นก็เอา
อย่างนั้นก็เป็นการตัดสิทธิ์เจ้าของไม่ให้กลับมาพบทรัพย์ได้อีกเลยอย่างถาวร
ให้คนอื่นทำเถอะ อย่าให้เป็นคุณจะดีกว่า
ที่จะเป็นกรณียกเว้น
คือคุณรู้ชัดๆว่าเจ้าทรัพย์ตาย หาผู้สืบทอดไม่ได้ อันนั้นโอเคไม่มีปัญหา
อย่างเช่นเมื่อครั้งพุทธกาล พอคนตายญาติก็เอาศพไปทิ้งที่ป่าช้า
พระก็มีสิทธิ์ชักผ้าห่อศพมาใช้ได้โดยไม่ถือเป็นการขโมย
เพราะไหนๆเจ้าของเดิมก็ตายแล้ว ญาติก็นำมาทิ้งให้แร้งทึ้งแล้ว ไม่ใช้ประโยชน์อันใดอีกแล้ว
สละสิทธิ์ครอบครองเต็มที่แล้ว ใครจะเอาไปก็ไม่ควรว่ากัน
และหากพิจารณาด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆว่าเจ้าของไม่มีทางย้อนกลับมาสืบหาได้
เช่นธนบัตรปลิวมาจากที่ไกล เจ้าของไม่อาจตามเส้นทางลมมาถึงธนบัตร
อันนี้ถือเป็นลาภลอยก็คงไม่ผิดอะไร
กรณีที่นำทรัพย์ไปทำบุญ
ก็ต้องย้อนกลับไปพิจารณาจากเงื่อนไขที่ผ่านๆมาข้างต้น
ถ้าทรัพย์หาเจ้าของไม่ได้จริงๆ เป็นลาภลอยของคุณจริงๆ บุญนั้นก็บริสุทธิ์
แต่ถ้าใจคุณสงสัยแม้แต่นิดเดียวว่าป่านนี้เจ้าของจะกลับมายังตำแหน่งของตกหรือเปล่า
เขาจะกระวนกระวายทุกข์ร้อนแค่ไหนเมื่อไม่พบ ใจคุณจะมีมลทินทันที
และบุญจะไม่มีทางบริสุทธิ์ไปได้เลย
กรณีที่เจ้าของไม่อนุโมทนา
แม้คุณจะอุทิศบุญไปให้เขา เขาก็ไม่ได้รับส่วนบุญหรอกครับ
แต่เขาอาจได้รับกระแสความสว่างเย็นแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้วูบหนึ่ง
เพราะจิตเป็นสิ่งที่สื่อกันได้ผ่านวัตถุ โดยเฉพาะถ้าวัตถุเคยอยู่ในครอบครองของเขา
สำหรับผม ถ้าเจอเหตุการณ์ดังกล่าว
ก็จะพิจารณาตามที่กล่าวไปแล้วทั้งหมดเหมือนกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น