ถาม : ดิฉันมักจะทะเลาะกับคุณพ่อเสมอ
ในหลายๆเรื่อง สาเหตุคือมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน
ซึ่งดิฉันก็เชื่อในความคิดของดิฉัน
และทำให้ดิฉันถูกคุณพ่อว่าดิฉันว่าเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่เคารพท่าน
ทำให้ท่านต้องโมโหอยู่เสมอ ทั้งที่บางครั้งดิฉันเพียงแค่ต้องการอธิบายเหตุผลของดิฉัน
แต่ท่านก็ไม่ฟัง ดิฉันจะบาปมากไหมคะ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๗
ดังตฤณ:
ถามว่าบาป ‘มาก’ ไหม? ตอบว่าไม่มากครับ เพราะตั้งต้นขึ้นมาคุณไม่ได้จงใจทำให้ท่านโมโห แค่ต้องการอธิบาย
ถามว่า ‘บาป’ ไหม? ต้องดูว่าขณะที่คุณพยายามอธิบายนั้น
จิตเจืออยู่ด้วยโทสะหรือเปล่า หากรู้สึกขัดเคือง
ขุ่นข้อง หรือหมองใจ ก็เป็นบาปทางใจ หากพูดจาด้วยถ้อยคำทิ่มตำ
หรือใช้น้ำเสียงกระแทกหู ก็เป็นบาปทางปาก หากลุแก่โทสะถึงขนาดผลัก กระชาก
หรือแม้บีบข้อมือพ่อแม่ในอาการเค้นคั้น ก็เป็นบาปทางกาย
ในทางกลับกัน
ถ้าถามว่าทะเลาะกับพ่อแม่มีสิทธิ์ ‘ได้บุญ’ ไหม?
ตอบว่ามีครับ ถ้าเจตนาตั้งต้นคือหวังดี
หวังให้ท่านเกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
แต่บุญนั้นจะเจืออยู่ด้วยบาปมากน้อยเพียงใดก็ต้องดูที่แนวคิดวิธีนำเสนอว่าฉลาดหรือทื่อ
ดูที่วิธีเลือกใช้คำว่าสุภาพเป็นเหตุเป็นผลเพียงใด
ดูที่กิริยาว่าอ่อนน้อมเคารพหรือแข็งกระด้าง
ลูกสาวที่ทะเลาะกับพ่อนะครับ
ผมเห็นรายไหนรายนั้น จะมองว่าพ่อเป็นคนแก่หัวดื้อ ไร้เหตุผล ทิฐิมานะแรง
ไม่น่าเคารพเลื่อมใส ทำไมเรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ อยากจะบ้าตายเหลือเกิน
ส่วนพ่อที่ทะเลาะกับลูกสาว
ก็จะเห็นลูกเป็นเด็ก อวดฉลาด ถือดีน่าหมั่นไส้
ข้าทำให้เอ็งมีตัวมีตนขึ้นมาจากสภาพวุ้น ข้าเลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย
หนอยแน่ริอ่านจะอบรมสั่งสอนข้า อะไรทำนองนั้น
พอเป็นพ่อเป็นลูกกันแล้วมองกันแบบนี้นะครับ
มันก็มีเหตุให้ทะเลาะกันเรื่อยแหละ แล้วก็ลงเอยเป็นความรู้สึกเดิมๆ
เหมือนพายเรือในอ่าง เดินทางในวังวนไม่สิ้นสุด
ผมว่าอย่าเพิ่งห่วงเรื่องบาปหรือไม่บาปเลย
ห่วงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่ผูกกันแบบ ‘ทั้งรักทั้งแค้น’ จะดีกว่า
นี่จะเป็นกรรมที่ทำให้ภาพรวมระหว่างคุณกับพ่อกะดำกะด่าง ทั้งรัก ทั้งห่วง
แต่ก็รู้สึกไม่ดีต่อกัน
ไม่ใช่ความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกที่ขาวสะอาดในความรู้สึกส่วนลึก
ถ้าชาติหน้าพบกันอีกก็ย่อมบันดาลให้เกิดเรื่องครึ่งรักครึ่งแค้นอีก
อย่างไรก็ตาม
แม้ทำให้ท่าน ‘ถูกใจ’ ก็อาจมีมลทินได้อีกเช่นกัน เช่นเห็นท่านเชื่ออะไรผิดๆ
หรือไปนับถือสำนักสิบแปดมงกุฎที่ชอบต้มตุ๋นชาวบ้าน ถ้าคุณดูดาย
ปล่อยให้ท่านเข้าใจผิดไปเรื่อยๆ เป็นพวกเดียวกับมิจฉาทิฏฐิไปเรื่อยๆ
อันนี้ก็เฉียดกันนิดเดียวกับการเป็นลูกอกตัญญู
ทำนองเดียวกับรู้ทั้งรู้ว่าพ่อแม่ตาไม่ดี เดินลงน้ำมีสิทธิ์จม แทนที่จะร้องห้ามหรือยื้อยุดฉุดดึงเต็มกำลัง
กลับหันหน้าไปทางอื่นและบอกตัวเองว่าธุระไม่ใช่
ท่านอยากเดินทางนั้นก็เป็นกรรมของท่าน
แม้ช่วยไม่ได้
แต่อย่างน้อยพยายามช่วยเต็มที่ ก็ถือว่ามีความกตัญญูต่อท่านแล้ว
เวลาเจอญาติผู้ใหญ่ไม่มีเหตุผล
แม้ฟังคำอธิบายดีๆก็หงุดหงิดเกรี้ยวกราด
คุณได้ข้อสอบข้อใหญ่ที่ท้าทายปฏิภาณและความฉลาดในกรรมเป็นอย่างยิ่งเชียวครับ ขอให้จำไว้ว่าไฟจะดับไม่ได้ด้วยไฟ
ต้องดับด้วยน้ำ
ในที่ที่เหตุผลไร้ค่า
หาประโยชน์มิได้ จงนึกให้ออก ว่าจิตที่สงบ มีสติ และเปี่ยมด้วยเมตตาเป็นอย่างไร
เพราะความเงียบอันเกิดจากจิตที่สว่าง เกิดจากความมีสติ
และเกิดจากความมีเมตตาเท่านั้น จะเป็นทางออกสุดท้ายเสมอ หากฝึกตั้งจิตไว้ถูก
คุณจะสามารถหยุดท่านได้ด้วยความเงียบครับ
กุศลจิตของคุณจะสะเทือนในทางดีไปถึงจิตของท่าน ละลายความคิดด้านร้ายของท่านลง
การพยายามเอาชนะด้วยเหตุผล
หรือแม้การทำให้พ่อแม่รู้สึกพ่ายแพ้ต้องยอมจำนนลูกนั้น
ไม่เคยเป็นทางออกที่สวยงามสำหรับใคร หากคุณมีศิลปะในการหยุด มีศิลปะในการถอย
และมีศิลปะในการรุก คุณจะทำให้ทุกฝ่ายชนะได้โดยปราศจากการสูญเสีย
สรุปคือขอให้จำไว้อย่างแม่นยำข้อเดียว
ในสถานการณ์ลำบากนั้น ถ้าจิตประกอบด้วยเมตตา ไม่เจือด้วยโทสะ
เมื่อคิดจะเป็นบุญเสมอ เมื่อพูดจะเป็นบุญเสมอ เมื่อทำจะเป็นบุญเสมอ บุญจะเป็นที่มาของความฉลาดจัดการกับสถานการณ์ยากลำบากทั้งหลาย
ส่วนบาปแม้เพียงด้วยความคิดจะลวงให้คุณเห็นแต่ทางตันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น