ถาม : ถ้าเทียบระหว่างพระราชาที่มีชายามาก
กับผู้ชายธรรมดาที่มีเมียมาก ถือว่าเหมือนกันหรือไม่ และผลกรรมจะต่างกันอย่างไรคะ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๘
ดังตฤณ:
จะพูดแค่ว่า ‘ผู้ชายธรรมดา’ คงไม่ได้หรอกครับ เพราะกรรมไม่ได้จำแนกมนุษย์ให้ต่างกันสองชั้นแค่พระราชากับผู้ชายสามัญชน ในระหว่างชายผู้เป็นสามัญชนด้วยกันยังซอยย่อยออกไปได้อีกมากมายนับสิบนับร้อยชั้น
สำหรับคำถามนี้ ผมจะซอยประเภทของชายผู้เป็นสามัญชนออกเป็นเพียง ๓ ประเภท ได้แก่
๑) มีความดึงดูดทางเพศ เป็นกรรมที่เกิดจากการคิด การพูด การทำเยี่ยงชายแบบเข้มข้น เช่นมีความคิดริเริ่ม เป็นผู้นำ เล็งตรง ตัดสินใจด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ หนักแน่นเข้มแข็งไม่ท้อง่าย คิดปกป้องผู้อื่นมากกว่าหลบอยู่หลังใคร ฯลฯ แค่การปรากฏตัวของชายจำพวกนี้ก็ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ใจสั่นได้
๒) มีความดึงดูดทางการเงิน เป็นกรรมที่เกิดจากทานและศีลในอดีตชาติ บวกเข้ากับความขยันขันแข็ง ทำงานอย่างมีคุณภาพ หรือค้าขายอย่างฉลาด และไม่มีผลของกรรมมืดใดๆมาขัดจังหวะการสะสมทรัพย์ สามารถยื่นข้อเสนอที่จุใจหญิงได้ไม่อั้น
๓) มีความดึงดูดด้วยวิธีฉ้อฉล เป็นกรรมในปัจจุบันที่อาศัยเล่ห์เพทุบายหรือคารมหลอก บวกกับการมีหญิงจำนวนหนึ่งต้องเสวยวิบากจากการหลอกลวงคนอื่นไว้ จึงมาติดกับโดยง่าย
แค่จำแนกเป็น ๓ ประเภทหลักๆอย่างนี้ ก็คงพออ่านออกได้รางๆ ว่า ‘กรรมที่ทำ’ เป็นอย่างไร และ ‘ผลของกรรมที่ต้องรับ’ ควรออกหัวออกก้อยท่าไหน
ชายที่มีความดึงดูดทางเพศอาจหมายถึงคนหล่อ หรือคนที่มีบุคลิกเร้าใจ ชวนให้หญิงทั้งหลายสมัครใจเข้ามารุมล้อม หากหญิงใดเคยมีประสบการณ์เห็นดารานักร้องแล้วกรี๊ดสลบ ตั้งใจว่ายอมทำทุกอย่างขอเพียงให้ได้ใกล้ชิดคนโปรดของตน หญิงนั้นย่อมไม่คิดเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบทางเพศ เพราะการได้สิ่งที่ตนพอใจย่อมไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบใดๆ ความคลั่งไคล้ดารานักร้องปานจะขาดใจนั้น ย่อมชนะความคำนึงถึงศักดิ์ศรีและความถูกต้องเหมาะสมทั้งหลาย จึงถือว่าชายประเภทที่แรงเรียกทางเพศสูงๆนั้น มีคุณสมบัติอันเป็นที่ยอมรับสำหรับคนจำนวนหนึ่ง ว่าสมควรแก่สิทธิ์เชยชมหญิงหลากหน้าหลายตา
ชายที่มีความดึงดูดทางการเงินอาจหมายถึงเสี่ยหนุ่ม เสี่ยกลางคน หรือเสี่ยชรา ผู้สามารถหว่านเงินแลกสิ่งน่าปรารถนาอย่างร้อนแรง หากผู้หญิงมาหาเขาเพราะเงิน ผู้หญิงนั้นย่อมทำไว้ในใจอยู่แล้วว่าตนเป็นสินค้า เป็นบริการ การซื้อขายตามข้อตกลงย่อมไม่ใช่การปล้น เมื่อหญิงยินยอมเอากาย เอาวิญญาณ เอาศักดิ์ศรีของตนวางลงบนเตียงแลกธนบัตร แม้กฎหมายก็ไม่อาจห้าม และเป็นสิ่งที่ถือปฏิบัติกันมาชั่วกัปชั่วกัลป์ในโลกมนุษย์ ชายที่ซื้อหญิงจึงถูกยอมรับอยู่กลายๆ แม้ใครจะมองมาด้วยความยินดีหรือยินร้ายก็ตาม
ส่วนชายที่ไม่มีทั้งคุณสมบัติและสมบัติอันเหมาะสม มีแต่คารมหลอก มีแต่การปกปิดสถานภาพสมรส พวกนี้แหละที่ถือว่าทำกรรมหนักกว่าชายพวกอื่นที่กล่าวมา เพราะการหลอกล่อฉ้อฉลนั้นผิดศีลข้อมุสาวาทอยู่แล้ว และผลยังอาจสร้างความร้าวรานให้กับหญิงผู้เป็นเหยื่ออย่างสาหัส ชายประเภทนี้ไม่เป็นที่ยอมรับอย่างสิ้นเชิง โทษที่เกิดจากการฉ้อฉลทางเพศมีประการใด ภายหลังเขาย่อมเสวยวิบากอย่างสาหัสปานกัน ไม่ว่าจะเป็นความเร่าร้อนหรือเหม็นเน่าในอบายภูมิ หรือจะเป็นการอยู่ในวงจรอุบาทว์แห่งการผลัดกันต้มตุ๋น
มองกันอีกมุมหนึ่ง ว่ากันโดยจิต เมื่อหมกมุ่นในกาม จิตย่อมเสื่อมจากความเจริญ หรืออย่างน้อยก็ไม่เจริญถึงที่สุด เพราะจิตที่ถูกราคะครอบงำอย่างหนาแน่นและยาวนานนั้น ย่อมมืดมากกว่าสว่าง หรืออีกนัยหนึ่งต้องเป็นผู้ทำบุญอย่างมหาศาล ภาคสว่างจึงจะทัดเทียมภาคมืด ไม่เกิดแนวโน้มไปเสวยภพอันมืด ภพอันต่ำกว่าสุคติภูมิได้ ฉะนั้นจะดึงดูดให้หญิงมาติดพันด้วยการเป็นชายประเภทใดก็ตาม หากหมกมุ่นมัวเมาในกามคุณแล้ว ผลย่อมเหมือนกันหมด คือมีจิตที่โน้มเอียงไปในทางคิดข้างมืด พูดข้างมืด ทำข้างมืด หากไม่สังวรระวัง ตั้งอยู่ในความประมาท ไม่ประกอบบุญกุศลเพื่อคานกัน ก็มีสิทธิ์ลงต่ำหลังสิ้นสุดอัตภาพมนุษย์ได้
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเกลือกกลั้วกับกายหญิงบ่อยๆจนเจน เห็นเป็นเรื่องธรรมดา เห็นเพศสัมพันธ์เป็นของเล็กน้อยเหมือนสั่งขี้มูก ชินๆเข้าก็ไม่สนว่าเป็นลูกเขาเมียใคร แม้หญิงที่มีเจ้าของสมัครใจมาเอง ก็ไม่พ้นความผิดข้อกาเมสุมิจฉาจารไปได้ ธรรมดานะครับ เสือผู้หญิงที่โต้คลื่นกามบ่อยๆนี่น่ะ มักหลีกไม่พ้นหรอก เรื่องผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน แล้วก็มักอ้างว่าผู้หญิงมาเอง ไม่ได้หลอกใคร นั่นแหละ ไม่ได้หลอกก็ผิดอยู่ดี เหมือนมือเปื้อนขี้ แม้บอกว่าไม่ได้เป็นคนจับ ขี้ลอยมาเอง อย่างไรก็ต้องเหม็นอยู่วันยังค่ำ
สรุปคำตอบให้สั้นคือสำหรับพระราชานั้น กรรมอนุญาตให้มีชายามากได้ โดยฐานะ โดยกำเนิด โดยการยอมรับของสังคม ส่วนชายสามัญชนนั้น กรรมไม่ได้ตกแต่งฐานะให้มีเมียมากมาแต่ต้น หากจะฝืนมี ก็อาจหมายความว่าต้องมีดีบางอย่างไปแลก หรือถ้าไม่มีดีพอ ก็ต้องก่อความเจ็บช้ำน้ำใจ หรือใช้อุบายกดขี่ทางเพศอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ผู้หญิง ซึ่งก็ต้องรอเสวยวิบากกันต่อไป อย่างเบาอาจกลายเป็นหญิงให้เขาหลอกบ้าง เป็นต้น
สำหรับธรรมเนียมประเพณีทางศาสนาหรือลัทธิที่อนุญาตให้มีเมียมากกว่าหนึ่งคน อันนั้นจะโยงเข้ากับความเชื่อ ตั้งต้นความเชื่อขึ้นมาอย่างใด แล้วมีคนเข้ามายอมรับอย่างนั้น ก็ถือว่าเป็นการผูกกรรมทางความคิดและการกระทำ โดยรวมคือถ้ามีความสามารถรับผิดชอบ มีความสามารถทำให้เหล่าภรรยาเป็นสุขกายเป็นสุขใจถ้วนหน้า ก็จำต้องยอมรับครับ ว่ากรรมเขาเป็นไปเพื่อกามสุขที่หลากหลาย
ถาม : คุณดังตฤณมีความเห็นอย่างไรกับการมีเมียหลายๆคนคะ?
ค่านิยมผัวเดียวเมียเดียว เป็นเส้นทางกรรมของคนที่จะพบรักแท้ มีความสุขอันควรกับอัตภาพ ถูกครรลองคลองธรรม ไม่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจ็บช้ำน้ำใจ ผลักให้ห่างจากการผิดศีลข้อ ๓ หรืออีกนัยหนึ่งปิดประตูอบายได้หนึ่งบาน
ส่วนค่านิยมหลายเมีย เส้นทางกรรมจะเป็นตรงข้ามครับ
ค่านิยมผัวเดียวเมียเดียว เป็นเส้นทางกรรมของคนที่จะพบรักแท้ มีความสุขอันควรกับอัตภาพ ถูกครรลองคลองธรรม ไม่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจ็บช้ำน้ำใจ ผลักให้ห่างจากการผิดศีลข้อ ๓ หรืออีกนัยหนึ่งปิดประตูอบายได้หนึ่งบาน
ส่วนค่านิยมหลายเมีย เส้นทางกรรมจะเป็นตรงข้ามครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น