วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ทำไมผลของการฆ่าไม่เท่ากัน (ดังตฤณ)

ถาม : ทุกคนน่าจะเคยฆ่ามาเหมือนๆกัน ทำไมผลจึงไม่ปรากฏชัด? เช่น ไม่พิการ ไม่อ่อนแอ คนส่วนใหญ่ยังดูปกติดีกันทั้งนั้น

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๙

ดังตฤณ: 
ที่คนส่วนใหญ่ยังดูปกติดี ส่วนหนึ่งก็อาจเพราะไปรับผลหลักๆมาแล้วในอบายภูมิ พอผลเบาบางแล้ว ได้รับแรงส่งของบุญเก่าแล้ว จึงเกิดเป็นมนุษย์ด้วยอาการปกติ จะเหลือเศษบ้าง ก็แค่ตกแต่งให้รูปร่างหน้าตาบูดๆเบี้ยวๆไม่สมส่วน หรือยังผลให้สุขภาพไม่แข็งแรงสมบูรณ์เท่านั้น

คุณลองสังเกตเถิดครับ กายมนุษย์เราเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง หายากมากๆที่ใครจะสมส่วนสมบูรณ์แบบไร้ที่ติมาแต่เกิด แล้วก็น้อยมากที่สุขภาพพลานามัยยอดเยี่ยม ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีความอ่อนแอ แพ้สิ่งแวดล้อมยาก แต่ละคนแหว่งตรงโน้นนิด บิ่นตรงนี้หน่อยกันทั้งนั้น

และแม้ทุกคนเคยผ่านการฆ่าเล็กบ้างใหญ่บ้างมาด้วยกันทั้งสิ้น ก็ใช่ว่าจะมีองค์ประกอบแห่งการฆ่าเหมือนๆกัน องค์ประกอบสำคัญที่ตัดสินว่าก่อกรรมด้วยการฆ่ามีอยู่หลายข้อครับ แต่ละข้อก็มีความยิ่งหย่อนผิดกันด้วย

๑) รู้ว่าเหยื่อเป็นสิ่งมีชีวิต

ตัวความรู้อาจเต็มที่ เช่นเห็นคนที่เป็นศัตรูยืนสูดอากาศยามเช้าอยู่ หรือรู้ครึ่งๆกลางๆ เช่นเห็นจุดดำๆในบริเวณสลัว ไม่แน่ว่าเป็นยุงหรือเศษฝุ่น หากรู้แค่ครึ่งๆกลางๆ ก็นับว่าจุดตั้งต้นในการฆ่าครึ่งๆกลางๆเช่นกัน

อีกประการหนึ่ง ตัวของสิ่งมีชีวิตเองก็มีพลังชีวิตไม่เท่ากัน ฆ่ายุงพันตัวไม่เท่าฆ่าวัวแค่ตัวเดียว และฆ่าวัวเป็นหมื่นตัวก็ไม่เท่าฆ่าพระที่รักษาวินัยสงฆ์เพียงรูปเดียว พลังชีวิตยิ่งโต ยิ่งบริสุทธิ์ ยิ่งทรงคุณกับโลก และยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเพียงใด การฆ่าก็ยิ่งมีผลแรงขึ้นเพียงนั้น

ถ้าฆ่ายุงทุกวัน วันละเป็นสิบตัว ผลที่ปรากฏชัดอาจเป็นโรคภูมิแพ้ หรือเกิดใหม่เป็นพวกเจ็บป่วยออดๆแอดๆยืดเยื้อ แต่ถ้าฆ่าพระดีเพียงครั้งเดียว ผลที่ปรากฏชัดอาจครบสูตร เช่น ถูกฆ่าอย่างสยดสยอง เกิดใหม่ในนรก ถ้ามีวาสนากลับมาเป็นมนุษย์ก็อาจรูปร่างหน้าตาวิกลวิการไม่น่ามอง เรี่ยวแรงน้อยเป็นโรคง่าย เป็นโรคร้ายรักษายาก หัวทึบคิดอ่านไม่ทันใคร ขี้ขลาดตาขาว อายุสั้น แถมเวลาตายมีสิทธิ์ตายไม่ดีมากกว่าตายดี และที่สำคัญคือเกิดมาอาจทุพพลภาพ พิการในทางใดทางหนึ่ง เช่น ถ้าฆ่าด้วยวิธีตัดมือแล้วปล่อยให้เลือดไหลไม่หยุดจนตาย ก็เตรียมออกจากท้องแม่พร้อมความเป็นง่อยเปลี้ย มือเท้าไม่อาจใช้งานได้เลย

๒) มีความตั้งใจที่จะฆ่า

ตัวความจงใจฆ่านั้น พิสดารได้เท่าจินตนาการและเหตุการณ์พาไป บางคนไม่เคยบี้แม้แต่มด แต่ตกอยู่ในสถานการณ์บีบคั้นให้ต้องฆ่าคน เช่นโจรที่กำลังบุกเข้ามาทำร้ายครอบครัวตน ก็อาจฆ่าแบบไม่เต็มใจ ไม่ตั้งใจถนัดถนี่นัก แค่อยากให้เรื่องเลวร้ายยุติลง ซึ่งเท่าที่คิดได้ก็หมายถึงการใช้เครื่องทุ่นแรงฆ่าโจร เมื่อฆ่าเสร็จย่อมรู้สึกผิดรุนแรง ความรู้สึกผิดนั้นเองเป็นตัวทอนกำลังบาปให้ลดลงอักโข

ความตั้งใจหรือเจตนานั้น นับเป็นประธานในการก่อกรรม ยิ่งนิ่ง ยิ่งแน่วแน่ที่จะฆ่ามากเท่าไร ความชัดเจนในการฆ่าก็ยิ่งทวีขึ้นเท่านั้น การตั้งใจฆ่าโดยไม่สำนึกผิดเป็นธรรมชาติของปีศาจ ไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์ จึงไม่น่าแปลกใจหากคุณจะรู้สึกขนลุกราวกับเจอผี เมื่ออยู่ใกล้ฆาตกรเลือดเย็น พวกนี้มีพลังคุกคามให้คุณผวาเยือกได้เพียงแค่สบตา และความน่าสะพรึงกลัวในชาติปัจจุบันของพวกเขา จะพลิกกลับไปทำให้เขาขี้ขลาดตาขาวในชาติถัดไป

นอกจากนั้น ความเหี้ยมเกรียมในจิตจะเป็นตัวกำหนดระดับการให้ผล ว่าจะเกิดใหม่พิกลพิการมากน้อยเพียงใด มีผู้คุมนักโทษจำนวนมากได้รับคำสั่งให้ทรมานเชลยศึกบ้าง อาชญากรบ้าง ด้วยวิธีทารุณกรรมป่าเถื่อนต่างๆ ตอนแรกก็อาจแหยงๆ แต่พอทำจนชิน กลายเป็นความสนุก จิตก็สะใจ ยินดีในความทรมานของมนุษย์ในมือตน นั่นแหละครับที่จะเป็นผลอันดูไม่จืดเมื่อเกิดใหม่

๓) มีความพยายามกระทำการฆ่า

เจตนาฆ่ากับความพยายามฆ่าไม่เหมือนกัน เจตนาเป็นแค่ตัวจุดชนวนว่าจะลงมือจริง แต่เมื่อลงมือจริงนั้น อาจถูกมโนธรรมหน่วงเหนี่ยวไว้ก็ได้ หรืออาจถูกความอาฆาตแค้นรุนแรงสั่งให้รีบฆ่าโดยเร็วที่สุดก็ได้

บางการพยายามในการฆ่าอาจต้องรอเวลา อาจต้องเดินทางไกล หรืออาจต้องฝ่าอุปสรรคหลากหลาย ยิ่งมุ่งมั่นนานขึ้นเพียงใด แทนที่จะเป็นเรื่องดี กลับกลายเป็นขยายผลให้บาปหนักขึ้นเพียงนั้น

ความมุ่งมั่นที่เข้มข้น หรือใช้เวลาแรมปีในการตามฆ่าให้ได้ จะมีส่วนให้วิบากมีความเข้มข้นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ยกตัวอย่างเช่นถ้าใจคิดอยู่ทุกวันว่าจะต้องเอาตัวศัตรูมาทรมานให้ตายช้าๆให้ได้ ย่อมเป็นการอัดพลังบาปให้แน่นหนามั่นคง ไม่กลับไม่เปลี่ยน ใครทัดทานให้เลิกราก็ตั้งหน้าต่อไป ตัวนี้เองทำให้กรรมที่เผล็ดผลมีความหนักแน่นเปลี่ยนแปลงยาก หาบุญอื่นมาสู้ยาก หรือไม่มีทางแก้ใดๆเลย

ในทางกลับกัน แม้ทำให้สิ่งมีชีวิตตกตายเป็นจำนวนมาก ทว่ามีความพยายามในการฆ่าต่ำ เช่นใช้อุปกรณ์ทุ่นแรง ไม่มีความเหี้ยมเกรียมอยู่ในจิต หรือกระทั่งบังเกิดความสลดสงสารเหยื่อแทบร้องไห้ อย่างนี้กำลังในการให้ผลก็อาจอ่อนลงส่วนหนึ่ง ในที่ที่กรรมเผล็ดผลจะไม่หนักแน่นมาก หรือมีสิทธิ์เยียวยา ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ง่าย

๔) สิ่งมีชีวิตที่เป็นเป้าหมายตายดับลง

แม้รู้ว่ามีชีวิต แม้ตั้งใจฆ่าให้ตาย และแม้พยายามลงมือฆ่าจริงๆแล้ว แต่ถ้ายังไม่ถึงคราวฆาตของเหยื่อ เหยื่อยังไม่ตายดับ ก็ถือว่าคุณก่อกรรมข้อปาณาติบาตไม่ลุล่วง ผลที่เกิดขึ้นจากเจตนาฆ่าครั้งนั้น จะเป็นความเข้มข้นของอกุศลจิต จิตจะมืดหม่นเศร้าหมองลง และถูกชักจูงเข้าสู่วงจรบาปได้ง่าย ทว่าผลแห่งปาณาติบาต เช่น เป็นโรคร้าย อายุสั้น เกิดใหม่ทุพพลภาพนั้น อาจไม่ปรากฏ เนื่องจากการฆ่ายังไม่เกิดขึ้นจริง


แม้วิธีที่สัตว์ตายก็ยังผลให้เกิดความแตกต่าง ถ้าสัตว์ตายทรมาน พลังด้านลบที่เกิดขึ้นในขณะสัตว์ทรมานนั้น จะย้อนมาตกแต่งร่างกายของคุณให้ทนทุกข์ทรมานเหมือนจะขาดใจบ้าง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หากสัตว์ตายสงบ เช่นโดนกระสุนเจาะเข้าหน้าผาก ยุติการรับรู้ทางประสาทอย่างเฉียบพลันโดยไม่ทันทราบด้วยซ้ำว่ามีใครหมายชีวิตตน อันนี้การตายของเหยื่อก็ไม่ส่งพลังสะท้อนให้คุณต้องทุกข์ทรมานมากนัก ในที่ที่กรรมเผล็ดผล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น